ความท้าทายในปัจจุบันกับโลกที่กำลังจะล่มสลาย

คนในหลายรุ่นลุ้นกันมาตลอดว่า โลกจะถึงคราวล่มสลายเมื่อไหร่กันแน่ ที่ผ่านมาแต่ละช่วงของการทำนายอนาคตกันไว้ก็ยังไม่ถึงกาลล่มสลายเสียที แม้ ณ เวลานี้ที่กำลังเขียนอยู่ก็กำลังเกิดภาวะวิกฤตไปทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน ทรัพยากร ภัยพิบัติ หรือแม้กระทั่งวิกฤตทางความคิด

วิกฤตในหลายด้านกำลังรวมตัวกัน และมีแนวโน้มว่าที่จะส่อแววว่าอาจมีการเปลี่ยนวิถีชีวิตเราลงไปถึงระดับรากเลยทีเดียว

ปริมาณหนี้สินรายหัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หนี้ระดับชาติมากมายจากการใช้เงินผิดประเภท วิธีคิดหาเงินของคนหลายประเภทเกิดจากแนวคิดที่ว่ามีวัตถุไว้ดึงดูดแมงเม่าเท่านั้น เราก็รวยได้แล้วโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ธนาคารเปลี่ยนแนวมาขายประกันเป็นหลัก แทนการหาเงินออมอย่างเก่า เงินบำนาญข้าราชการอยู่ในช่วงลุ้นว่าจะมีจ่ายมั้ยน้า สิ่งที่เคยคิดว่ามั่นคง มันเป็นพียงภาพลวงตาอย่างแท้จริง แถมรัฐอาจตัดหลักประกันทางด้านสุขภาพอันเป็นความหวังของผู้มีรายได้น้อยออกไปอีก ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้สภาพอากาศแปรปรวน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโรคต่าง ๆ ก็เป็นกันง่ายขึ้น แต่ประชาชนก็ต้องดูแลตัวเองกันไป วงจรโง่ จน เจ็บ เริ่มแพร่กระจาย ในขณะที่เศรษฐกิจโลกก็มีหลายที่ไร้เสถียรภาพไปแล้ว..

ถ้าหากใครจะกังวลก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งระดับประเทศและระดับโลกเหล่านั้น ได้ส่งผลกระทบถึงตัวเราแล้วล่ะ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจนโยบายการเงินอะไรทั้งนั้น ดูแค่ว่าเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายมันดูสวนทางกันโดยสิ้นเชิงก็น่าจะเข้าใจ ค่าน้ำมันแอบขึ้นทีละน้อยตอนเราหลับ ภาษีจิปาถะค่อย ๆ ทยอยมาตามรูปแบบการหาเงิน เราถูกผลักให้เข้าไปในระบบรีดทุกบาทผ่านพรอมเพย์ ที่เราอาจจะไม่พร้อมที่จะเพย์เลยก็ได้

เรากำลังเข้าสู่ยุคที่เรียกให้ดูดีไม่มีจะกินนี้ว่า วิถีมัธยัสถ์ มันจะเป็นกระแสใหม่ที่มาแรงแซงมินิมอลในไม่ช้า ถึงแม้ใครไม่อยากจะเข้าวิถีนี้ ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวไม่นานคุณก็จะเป็นไปโดยตัวคุณเอง

เพราะอะไรถึงเป็นอย่างนั้น เหตุผลง่าย ๆ
เนื่องจาก เราอยู่ในยุคที่การออมยากยิ่งกว่าการปลูกข้าวบนคอนโด มหาวิกฤตที่สุด คือ เราถูกผลักให้พุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา แม้ว่าเราจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลยเราก็เสียเงินได้สบาย ๆ ดังนั้นเรื่องการใช้จ่ายเกินตัวสำหรับคนที่ใจไม่ด้านพอมันเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกครั้งที่เราจับโทรศัพท์ โฆษณามันแทบจะพุ่งเข้าสิงเราในทุกฟีดเลยก็ว่าได้ แถมบางระบบดูเหมือนจะรู้อีกว่าใจเราต้องการอะไร มันก็เด้งขึ้นมาให้เราเห็นในตอนนั้นดั่งปาฏิหารย์ มันต้องได้เจโตแน่ๆ ถึงดูใจเราออกขนาดนี้ แต่ถึงว่าเราไม่ใช้มือถือ ออกไปข้างนอกตลอดเส้นทางมันก็มีป้ายโฆษณาดักไว้หมดตั้งแต่เปิดประตูก้าวออกจากบ้านละ บางที่เสาไฟสูง ๆ ก็ยังสงสัยว่ามันขึ้นไปติดได้ยังไงเน้อ

การออมเป็นเรื่องดี มันทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง เพราะถ้าเรามีเงินออมมากพอเราก็หยุดทำงานหารายได้ได้บ้าง แต่เรามักถูกฝังหัวว่า การเป็นหนี้จะทำให้เรามีสินทรัพย์ เมื่อเรามีสินทรัพย์เราอาจจะมีอิสรภาพทางการเงิน ซึ่งมันอาจจะถูกก็ได้ แต่ที่เห็นตอนนี้เลย คือ ขายสินทรัพย์ปลดหนี้ยังยากเลย ถึงมีสินทรัพย์ก็ใช่ว่าแบงค์จะการันตีให้ แล้วคนทั่วไป คือไร หนี้มันคือ รถ บ้าน คอนโด นาฬิกา เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแบรนด์เนม ไงจ้า แล้วมาจากไหนล่ะ มาจากที่สังคมเค้าบอกของมันต้องมีไง ถ้าหนี้มันมีเพราะสร้างธุรกิจยังพอมีโอกาสหมด แต่ถ้าหนี้ทั้งหมดเข้าข่ายว่าของมันต้องมีอันนี้ก็คงต้องคิดกันเอาเอง

หมายศาลเรื่องหนี้สินจึงเป็นเรื่องปกติของคนระดับกลางทั้งหลาย ถ้าเค้าลดรายจ่ายลงได้สัก 25% แนวโน้มที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็พอเป็นไปได้อยู่บ้าง

ทำไมๆๆ ถึงบอกว่าลดรายจ่าย เนื่องจากว่าคนส่วนมากรายได้เพิ่ม ค่าใช้จ่ายเพิ่ม หนี้เพิ่มนะจ้ะ ไม่ใช่รายได้เพิ่มใช้เท่าเดิมมีเงินออมนะ กิเลสคนมันไปตามเงินที่มี แต่ใครที่ฝึกมาดีก็มีโอกาสพ้นจากการเป็นทาสเงินก็จะสวนทางกับสิ่งที่บอกนี้ได้

มาถึงตรงนี้ก็อยากจะบอกว่า วัฒนธรรมการบริโภคอันลวงโลกในปัจจุบัน จะผลักดันให้เรามีหนี้อย่างดูดีขนาดไหนก็ตอม จะสิทธิพิเศษภายใต้บัตรใดก็ตาม จะวงเงินมหาศาลบานขนาดไหน ก็หลอกเราไม่ได้ถ้าเรามองให้ชัดว่า ชีวิตเราอะไร คือ จำเป็น อะไรคือ ต้องมี และอะไรที่มีหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน ถึงเราจะหลีกเลี่ยงกระแสบริโภคนิยม วัตถุนิยม ทุนนิยม โซเชียลนิยมไปไม่ได้ แต่เราก็ควรจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้อย่างพอดีกับความเป็นเรา

หัวใจหลักในการใช้ชีวิต ยุค2018 คือ “การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเงินกับชีวิตเราให้ลงตัว”

การวิ่งหาเงินอย่างไม่รู้จบ ไม่ใช่คำตอบของชีวิตอีกต่อไป แต่การกลับมาดูว่าใจเราพอที่ตรงไหน อะไรคือ สุขจริงที่จับต้องได้ เราต้องทำให้ได้ก่อนในตอนนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะล่มสลายทลายไปทั้งระบบ และนั้นคือความท้าทายของ ทุกเพศทุกวัยในตอนนี้

Leave a Reply

%d bloggers like this: