ทำไมชีวิตต้องจมปลัก

หลาย ๆ ครั้ง ชีวิตของใครหลาย ๆ คนเหมือนอยู่ในภาวะทรายดูด

จะทำอะไรก็หน่วง เหนี่ยว หนัก เหมือน ถูกดึงถูกรั้ง ยิ่งหนียิ่งเจอ

ยิ่งแก้กลับยิ่งวุ่นวาย พยายามเดินหน้า แต่กลับวนกลับมาที่เดิม

 

จนความเครียดสะสมค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

อยู่ ๆ ก็ไม่รู้ว่าความสุขมันหายไปตอนไหน

ทำไมการหัวเราะให้มันเต็มเสียงมันช่างยากเย็นเหลือเกิน

 

บางคนต้องหันมาถามตัวเองด้วยซ้ำว่า เรามีเพื่อนด้วยเหรอ

เพื่อนจริงหรือ ความจริงใจ คือ อะไร ช่วยนิยามใหม่ให้หน่อยได้มั้ย

 

จากที่เคยร่าเริงง่าย กลับกลายเป็นเก็บตัว ไม่อยากไปไหน

ใครชวนไปไหน ถึงจะเป็นเรื่องดีก็ไม่อยากจะขยับตัว เกิดข้ออ้างมากมายที่จะไม่ไป

ภาวะซึมเศร้าเริ่มถามหาเล็ก ๆ อารมณ์แปรปรวนเริ่มเป็นบ่อย ๆ

สับสนกับตัวเองวันละหลาย ๆ รอบ ทั้ง ๆ ที ชีวิตมันชัดเจน

 

เริ่มมาคิดว่าเราทำอะไร ทำไปทำไม มีใครเหลือในชีวิตบ้าง

เริ่มหันมามองความเดียวดาย หมดพลังงานชีวิต

เล่นมือถือไปวัน ๆ ฟุ้งซ่าน คิดวนเวียน ระบายโพสต์นั่นนี่ไป มีโซเชียลเป็นเพื่อน

เจอใครก็พ่นความทุกข์ออกมา เพื่อแบ่งปัน

โรคทั้งทางกายทางจิตเริ่มรุมเร้า ใครเข้ามาก็ช่วยไม่ได้

ปิดสัญญาณการรับสิ่งดี ๆ ทั้งหมด ความคิดแนวลบพุ่งถึงขีดสุด

 

ทำไมมันเป็นแบบนี้ ได้ล่ะ ทำไม ๆ ๆ ๆ

 

ไม่ต้องถามว่า ทำไม เพราะทั้งหมดนี้ คือ “มึงทำตัวมึงเอง”

ถ้ามึงไม่อยากเปลี่ยนแปลงใครเค้าจะช่วยมึงได้

ข้ออ้างล้านแปดที่มึงจะอยู่ในปลักโคลน ที่หาให้ตัวเองมันเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา

 

เรื่องบางเรื่องไม่ใช่แก้ไขไม่ได้ ไม่ใช่มึงไม่มีที่ไป แต่มึงไม่ไป มึงไม่คิดจะเปลี่ยนเอง เทวดาที่ไหนเค้าจะช่วยมึงได้ มากเข้าก็โทษเวรโทษกรรม อ้างดวงมันเป็นอย่างนี้ ต้องก้มหน้ารับกรรมกันไป

 

มันใช่ที่ไหนกัน ชีวิตมีชะตากำเนิดเพื่อให้เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ไม่ใช่ให้ปล่อยไปตามยถากรรมแล้วมาโทษชะตา ถ้ามึงจะโทษนะ มึงต้องโทษการกระทำก่อนที่มึงจะเกิดมาด้วย ถึงต้องมาเกิดเป็นแบบนี้

 

บางตัวอย่างเคยเห็นมั้ย โดนคู่กดขี่ข่มเหง กระทืบปางตาย เอารัดเอาเปรียบ เหยียดหยามอย่างไร้ค่า แต่มันก็ไม่ไปไหน คนมาช่วยแล้ว บอกแล้ว กรอกหูแล้ว ด่าก็แล้ว ว่าอย่ากลับไป สุดท้ายมันก็กลับไป

 

แมลงวันมันชอบกองขี้ จะเอาออกมาไกลแค่ไหน มันก็ต้องหากองขี้กองใหม่อยู่ดี

 

เหตุผลง่าย ๆ ก็มันไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงนั่นข้อนึง อีกส่วนนึงยามคนมันหลงในอะไร ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ที่เราเห็น จะเป็นความสัมพันธ์ ยาเสพติด การพนัน โซเชียล กลุ่มคนแย่ ๆ ที่ทำงานห่วย ๆ ชีวิตเน่า ๆ ฯลฯ อีกมากมาย

 

เค้าเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ยินดีเลยที่เป็นอย่างนั้น เพราะมันก็เที่ยวด่าสาดเสียเทเสียให้คนรอบ ๆ ฟังเสมอ

แต่ที่มันอยู่ได้ เพราะอย่างน้อยก็ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้ยึดโยงเลย  บางคนด่าแม่ด่าพ่อมากมายแต่สุดท้ายก็อยู่ตรงนั้น ด่าคู่ที่อยู่ด้วยแต่ก็ไม่เห็นจะไปไหน เพราะยังไม่มีคนใหม่มันใช่แน่เหรอ ก็แค่มันดีกว่าที่จะว่างเปล่า ไม่เหลือใคร ลองนั่งคิดดู ลึก ๆ แล้วมันใช่มั้ย

 

ทำไมคนเคยเข้าคุกมักเวียนซ้ำเข้าไป เพราะแรงดึงดูดเหรอ ใช่จริงหรือเปล่า ที่เค้าไม่พยายามจะดี ไม่หรอกมันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป แต่เค้ามักเข้าใจว่าในระดับเดียวกันตรงนั้นมันเข้าใจกันมากกว่า คนที่ร่วมทุกข์มักเป็นที่จดจำเสมอ ในขณะที่ความสุขช่างสั้น และบางครั้งเราจำมันแทบไม่ได้

 

คนติดยาก็มีแนวโน้มจะกลับไปใช้ยาได้ง่ายกว่าคนไม่เคยเสพ คนกลางคืนก็มักกลับไปเป็นคนกลางคืนได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคย เพราะตรงนั้นมันทำให้เค้าลืมเรื่องร้าย ๆ มันทำให้เค้ายิ้มได้ มันทำให้เค้าได้ระบายออก แสงสีอาจไม่มีผลเลยด้วยซ้ำ แต่อารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยอยากทำไรทำมันเป็นสิ่งดึงดูดให้เวียนกลับเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นตัวตนอีกตัวตนที่เค้าไม่อาจเป็นได้ในยามปกติ

 

เมื่อความสุขเป็นเรื่องของการไขว่คว้าให้ได้มา ในยุคนี้การยอมรับความทุกข์เป็นเรื่องยาก การมีหน้ากากสำหรับตัวเองจึงเป็นเรื่องที่คนมากมายทำโดยไม่รู้ตัว ทุกวันนี้เราหลอกแม้กระทั่งตัวเอง

 

แล้วจะไม่ให้ “ชีวิตมึงจมปลักได้ยังไง”
ตื่นสิ ลุกขึ้นมา ปรับปรุงตัวเอง ถามตัวเองอีกครั้งว่า “ชีวิตกุต้องการอะไรกันแน่” 
แล้วออกไปเปลี่ยนให้มันเป็นอย่างที่ต้องการ

จงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

#olanhappiness

 

Leave a Reply

%d bloggers like this: