เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว สำหรับปัญหาโรคจิต โรคเครียด โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ วิตกจริต คิดมากมายจนเกินเหตุ ในยุคหลังจากที่เรามีข่าวสารทุกอย่างส่งถึงเตียงตั้งแต่ตื่นลืมตาขึ้นมา
คนส่วนมากมีทีวีจอบาง แบนโค้ง สวยงามอยู่ในบ้าน
มีมือถือที่เชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้ตลอดเวลา
เราซื้อของได้ทั้ง ๆ ที่ยังนอนอยู่ในบ้าน
วิกฤตต่าง ๆ ไม่ใช่จากความขาดแคลนทางวัตถุอีกแล้ว
แต่เป็นวิกฤตทางจิตวิญญาณ จิตใจ และตัวตน
การมีโลกโซเชียลทำให้คนมากมายมีตัวตนใหม่ มีโลกใบใหม่ ที่อาจเหมือนหรือต่างไปจากเดิมก็ได้
การดังในชั่วข้ามคืน เป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาในยุคนี้
แต่เรากลับกลายเป็นเหยื่อของความสำเร็จของตัวเองไปสะอย่างนั้น
ทำไมน่ะหรือ..ก็เรามองเห็นและรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัด
แต่สติสตังดันยังบกพร่องอยู่เลย..เมื่อเราค้นพบว่า ใคร ๆ ที่เห็นก็ดูเหมือนจะมีความสามารถมากมาย
แต่เราล่ะ..ไร้ความสามารถ ไม่ดีพอ ทุกอย่างทำไมไม่เป็นอย่างที่คิดฝัน
เราจุดระเบิดทำลายตัวเองตลอดเวลา..
เราอิจฉาคนอื่น..โดยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
เราค้นหาวิธีสร้างความสุขได้จาก Google มีคนเขียนไว้มากมาย
มีคน Share ก็เยอะแยะไป แต่มันกลับทำให้เรายิ่งล้มเหลวทางอารมณ์มากขึ้น
ทำไมมันเป็นอย่างนั้น..เราควรจะดีขึ้นสิ
ก็ไอ้ที่เค้าบอก เค้าบอกเพื่อประโยชน์ในการขายของเค้ามั้ยล่ะ
ยิ่งคนสับสนมากเท่าไหร่ กระหายความสุข ความสำเร็จมากเพียงไหน
ก็ขายของได้แพงมากขึ้นเท่านั้น…
ถ้าจะบอกความจริงว่า “เมื่อเราเพรียกหาความคิดด้านบวก หรือพยายามมองบวกมากเท่าไหร่ เราก็เรียกหาความคิดเชิงลบ เข้าหาตัวเองมากขึ้นเท่านั้น”
คิดดี ๆ แล้วจะเห็นความจริง
มันก็เหมือนที่เรายิ่งหาทางให้ตัวเองรู้สึกดีมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยพอสักทีนั่นละ
เรายิ่งตามหาอะไร มันก็ตอกและย้ำซ้ำ ๆ ไปว่า มึงยังไม่มีมันยังไงละ Getมั้ย#olanhappiness
Leave a Reply