พญานาค ศรัทธา ความเชื่อ หรือแค่การตลาดสร้างความงมงาย ตอนที่ 3

พญานาคนั้นหากเราจะแบ่งอย่างคร่าวๆ ตามตำราทั่วๆ ไป จะแยกตามสีลำตัวออกมาเป็นตระกูลต่างๆ
4 ตระกูลใหญ่ คือ

  1. ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
  2. ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
  3. ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
  4. ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ

เชื่อกันว่ามีวิมานอันเป็นทิพย์อยู่ในเมืองบาดาล  มี 14 ชั้น ตรงนี้ก็เป็นที่มาในการจุดธูปบูชาองค์พญานาคราช จะเปิดขอพรในชั้นบาดาลให้จุด 14 ดอก แต่ถ้าจะจุดในส่วนอื่นจะกี่ดอกก็แล้วแต่จะพิจารณาตามตำราที่เชื่อถือกันมาอีกที ขอให้จิตดีเป็นพื้นฐานพรนั้นย่อมให้ผลได้ไม่เกินกรรม

ส่วนการดูแลแต่ละชั้นขององค์พญานาคราช  จะแบ่งการปกครองเป็นออกเมืองๆ  ไป นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งตามการเกิดได้อีก  เช่น เกิดจากไข่  เกิดเป็นตัว  เป็นต้น  ดังนั้นในตระกูลหลักเหล่านี้  ก็จะมีวงศ์ย่อยลงมาในส่วนต่างๆ  ที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องถึงกันอีก  อย่างที่เราจะเห็นว่ามีการอ้างถึงเพชรพญานาคหรือมณีใต้น้ำ  สีต่างๆ  ที่ดูหลากหลาย  แต่จากตำราทั่วไปก็ไม่ได้กล่าวไว้ชัดเจนนัก  จริงบ้างไม่จริงบ้างก็พิจารณากันดู  ยุคนี้อ้างสายญาณกันมากมาย  ดูง่ายๆ  เอาคนที่มีธรรมนำการใช้ชีวิต ใช้ชีวิตได้สอดคล้องกับความเป็นปกติของโลกได้

พญานาคในเมืองไทยส่วนมากที่นับถือกัน จะเป็นตระกูลเอราปถ  คือตระกูลที่มีสีเขียว สีอื่นก็มีแต่ตระกูลนี้จะโดดเด่นเป็นพิเศษ  เพราะตระกูลนี้ชอบความคึกคักมีความใกล้ชิดมิติมนุษย์มากกว่าสีอื่น  หากตรงไหนค้าขายดีๆ  มีบูชาพญานาคส่วนมากลองสังเกตดูจะเป็นสีนี้  สีอื่นมักจะบำเพ็ญเพียรเป็นหลักและออกมาช่วยเหลือผู้คนเป็นช่วงๆ  มาทีก็เป็นเรื่องใหญ่ๆ  ไปเลยอย่างช่วงนี้เป็นต้น

green naka

การเกิดที่ต่าง ตระกูลที่ต่างก็  ทำให้มีลักษณะทางกายภาพและฤทธิ์ที่แตกต่างกัน  นอกจากนี้ถิ่นที่อยู่ที่ต่างก็ทำให้เงื่อนไขเหล่านี้แตกต่างกันออกไปด้วย  คือ  ปกติเรามักจะเข้าได้ว่าพญานาคอยู่ในเมืองบาดาล  ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว แต่เป็นความเข้าใจเพียงส่วนเดียว  เพราะอันที่จริงหากศึกษาไปในหลายๆ  ตำนานจะทราบว่าท่านพญานาคราชทั้งหลายล้วนมีถิ่นอาศัยที่แตกต่างกัน  บ้างก็อยู่ในเมืองบาดาล  บ้างก็อยู่ในอากาศ  บ้างก็มีถิ่นที่อยู่ตามภูเขา  บ้างก็อาศัยอยู่ในมหาสมุทร  หรือบางส่วนก็อยู่ในแม่น้ำลำคลอง  ซึ่งเหล่านี้ล้วนมีผลสอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพ  นิสัยและฤทธิ์ที่ให้ผลต่างกันออกไป

อีกส่วนหนึ่ง คือ จำนวนเศียร  อย่างที่เราเห็นตามวัดวาอาราม  และลักษณะหน้าของพญานาคที่แตกต่างกันก็มีฤทธิ์ที่แตกต่างกัน  ดังนั้นการจะเชื่อ จะศรัทธา หรือจะดูเป็นงานศิลปะ ถ้าเราเข้าใจเบื้องต้นเหล่านี้อย่างน้อยเราก็สามารถขอพรตามความเชื่อ หรือความศรัทธาได้อย่างถูกต้องตรงตามลักษณะของท่านทั้งหลายที่ถูกสร้างไว้ตามที่สำคัญต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม  และก็ได้ดูงานศิลปะอย่างเข้าใจในที่มาที่ไปในการที่ช่างสร้างสรรค์งานขึ้นมาได้ด้วย

พญานาคโดยทั่วไปก็เป็นโอปปาติกะ คือ มีกายทิพย์ กายสิทธิ์ อยู่อีกภพภูมิหรือมิติหนึ่ง ในพุทธศาสนาจำแนกไว้ว่าเป็นเทพในชั้นจตุมหาราชิกา  อยู่ภายใต้การปกครองของท้าววิรูปักษ์เทวราชแห่งสวรรค์ทิศตะวันตก  ซึ่งหากศึกษาหลายๆ  ตำนานที่ต่างกันออกไป นอกจากท่านท้าววิรูปักษ์เทวราชแล้ว  ก็ยังมีเทวราชในส่วนอื่นที่แบ่งตามชั้นต่างๆ  ตามถิ่นที่อยู่อาศัยอีกต่างหาก  เนื่องจากพญานาคมีจำนวนมากอยู่กันเป็นเมืองๆ  จึงมีการปกครองที่แตกต่างกัน  และการปกครองนั้นๆ  ก็ย่อมมีผู้ปกครองใหญ่คอยดูแลอีกที เป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจได้  ไม่ต่างจากการปกครองในโลกมนุษย์

หน้าที่หลักของท่านพญานาคราชทั้งหลาย  คือบำเพ็ญเพียร  ปกป้องดูแลให้พระธรรมยังคงอยู่คู่โลก และเป็นผู้ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองผู้บำเพ็ญบุญในโลกมนุษย์ด้วย  ดังนั้น  จึงมีหน้าที่ให้พรและช่วยเหลือผู้มีบุญ มีกุศล และผู้ร้องขอทั้งหลายที่ได้รับความชอบธรรมแล้วให้สำเร็จสมประสงค์  ในส่วนที่เกี่ยวพันกับท่าน

ผู้ที่สามารถจะมีญาณพบเห็นพญานาคได้นั้นต้องเคยมีสายญาณหรือมีบุรพกรรมร่วมกับท่านมาจึงจะสามารถรับรู้ถึงกันและกันได้  ทุกอย่างล้วนต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาต่อกันมาตั้งแต่อดีตกาลทั้งนั้น ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง  จึงจะช่วยเหลือเกื้อกูลหรือติดต่อสื่อสารถึงกันได้  ไม่ใช่ว่าใครนึกจะเป็นก็เป็น อยู่ดีๆ  ก็เลื้อยขึ้นมาซะอย่างนั้น  มันก็ไม่ใช่

หากเราเข้าใจ…ตามจริงที่ว่า  โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราเท่านั้น  ในการไปกราบไหว้สักการะในที่ใดๆ  หรือเดินทางไปในที่ต่างๆ ในทุกมิติที่เราอาจจะเหยียบย่างไปถึง  ก็ควรไปด้วยความนอบน้อม จะโลกนี้หรือโลกไหนๆ  ใครๆก็เมตตาผู้ที่มีความถ่อมตนมิใช่หรือ

เพราะจริงๆ  แล้วเราจะนับถือหรือไม่  เราจะรับรู้ได้หรือไม่ อีกมิติหนึ่งเค้าอาจไม่ได้ใส่ใจ หากมิตินี้มีอยู่มันก็มีอยู่อย่างนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง  มีแต่เราที่เปลี่ยนไปตามความมืดบอดแห่งปัญญา

เมื่อรู้และเข้าใจโดยองค์รวมเหล่านี้แล้ว  หากเราจะนับถือบูชาก็จะทำได้ถูกกาละเทศะมากขึ้น แล้วตอนหน้าเราจะมาสู่เรื่องหน้านาคต่างๆ  ที่เราเห็นตามวัด  ทำไมถึงใช้แตกต่างกันและที่ต่างกันนั้นคนทำเค้าสื่อนัยยะถึงอะไร…โปรดติดตามตอนต่อไป

Leave a Reply

%d bloggers like this: