จากตอนที่แล้ว คุณเพื่อนก็ได้ของกำนัลสมใจไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเราแมงสี่หูห้าตาก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจและผ่านไปแล้ว ชีวิตก็ดำเนินต่อไป จนกระทั่งวันนึง
ช่วงนั้นขับรถตระเวนเที่ยวเล่นในป่าตามเรื่องตามราวแถวๆ สุราษฎร์และนครศรีธรรมราช ไปนู่นนี่ตามปกติ การขับรถเที่ยววันละสองสามจังหวัดมันเป็นเรื่องปกติของเราและผองเพื่อน วันนั้นช่วงเช้าประมาณสักหกโมงเช้า ได้ขับรถไปเส้นดอนสักมุ่งหน้าไปนครศรีธรรมราช สะดุดตาพระภิกษุรูปหนึ่ง เดินอยู่ริมทางคนเดียว เราก็ปาดรถเข้าไปจอดทันทีในแต่รถไม่มีอะไรจะใส่บาตร เลยเอาเงินใส่บาตร ท่านก็อวยพรและบอกกลับมาว่าให้เอาเงินนี้กลับไปเป็นสิริมงคลนะ อาตมาไม่รับปัจจัย
พวกเราก็รู้สึกดี ที่ได้พบพระแบบนี้ เลยขอตามท่านไปวัด วัดท่านอยู่ในแนวป่าค่อนข้างไกลผู้คนพอควร ดูสงบๆ สนทนาถามท่านเรื่องนั้นเรื่องนี้จึงได้รู้ว่าท่านเป็นพระมาจากทางภาคกลาง ธุดงค์มาเรื่อยๆ คงอยู่สักพักแล้วก็จะไปที่อื่นต่อ ท่านอยู่มาหลายที่ ได้พบเจอเรื่องราวมากมาย ท่านได้เอาสมุดบันทึกมาให้ดู ท่านบอกมีหลายอย่างที่คนเข้าใจผิดเพี้ยนไปมาก แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เนื่องจากไม่ได้มีความรู้เรื่องอินเตอร์เนตเลยไม่รู้จะเผยแพร่ยังไง ก็บอกได้เท่าที่พบเจอเท่านั้น
แล้วสักพักเรากราบลาท่าน และก็ออกเดินทางต่อไปทางนครศรีธรรมราช ไปพบผู้ใหญ่ท่านนึงท่านเรียนวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ เป็นผู้ปฏิบัติดีเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านและข้าราชการในจังหวัด เราชอบไปให้ท่านเล่านู่นนี่ให้ฟังมันได้ความรู้และเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตที่ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยจะมีใครสอนกันแล้ว แล้วการเดินทางไปครั้งนี้ทำให้เราได้รู้เรื่องราวของเจ้าสี่หูห้าตาโดยบังเอิญ เรื่องมีอยู่ว่า
ผู้ใหญ่ท่านนี้ในอดีตท่านรับราชการ จึงได้เดินทางไปหลายที่และได้ย้ายไปตามตำแหน่งต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย มีช่วงหนึ่งที่ท่านย้ายไปทางเหนือสมัยนั้นพื้นที่กันดารต้องบุกป่าฝ่าดง ท่านก็เล่าไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดด้วย คำว่า ท่านได้เห็นตัวประหลาดมาช่วยชาวบ้านในหมู่บ้านดับไฟ แต่วิธีของมันคือมันมารุมกันกินไฟนั้นจนมอดหมดแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เท่านั้นแหละพวกเราหูผึ่งขึ้นมาทันที รีบถามต่อ..มันใช่ตัวสีหูห้าตามั้ยคะ คือ เคยได้ยินตำนานว่าเป็นพระอินทร์แปลงลงมาช่วยเหลือมนุษย์อะไรอย่างนี้น่ะคะ
ท่านตอบว่า…”ไม่รู้นะว่าจะเป็นพระอินทร์แปลงลงมามั้ย เพราะถ้าเป็นพระอินทร์แปลงมามันน่าจะไม่มาเป็นฝูง น่าจะมาเดี่ยวเพราะท่านก็มีฤทธิ์มากพอที่จะดลบันดาลสิ่งต่างๆ ในโลกมนุษย์ได้อย่างสบายๆ” ท่านให้มุมมองสอนให้สังเกต
หลังจากวันนั้นด้วยความที่ท่านสงสัยจึงไปกางเตนท์อยู่หลายคืน ทุกคืนก็นั่งสมาธิภาวนาไปด้วย จนคืนที่สองได้ยินเสียงกุกกักที่ข้างเตนท์แต่ก็ไม่ได้ออกไปดูรอจนรุ่งเช้า ก็ออกมาดูที่ข้างเตนท์เจอก้อนทอง ทองจริงๆ แต่รูปร่างมันเหมือนมูลสัตว์อะไรสักอย่าง ก็เก็บไว้ก้อนทองนั้นไว้ก่อนแล้วออกลาดตระเวนตามปกติ
ตกกลางคืนก็เข้าสมาธิภาวนาตามปกติ คราวนี้ได้ยินเสียงเหมือนเดิมที่ข้างเตนท์ แต่ไม่รอถึงรุ่งเช้าเหมือนคืนก่อนแล้ว คืนนี้ค่อยๆ รูดซิปเตนท์โผล่มาแอบมองก็เห็นเงาตะคุ้มๆ ตัวป้อมๆ สูงสักฟุตเห็นจะได้ กำลังทำท่าเบ่งอึอยู่ ก็เงียบรอดูจนเสร็จปรากฎว่าก้อนที่ออกมาเป็นทองเหมือนที่เก็บได้เมื่อเช้าเลย
จึงแน่ใจว่ามันต้องเป็นจากตัวนี้แน่ๆ และมันก็ไม่น่าจะใช่สัตว์ร้ายอะไรดูจากตัวมันแล้วถ้ามันจะกัดก็น่าจะหวดทีเดียวก็กระเด็น ในคืนนั้นก็เก็บความสงสัยไว้อีกส่วน กะว่าถ้าพรุ่งนี้มาจะทำที่ดักจับไว้จะได้รู้ว่าตัวอะไรกันแน่
แล้วก็ตามนั้น พอตกกลางคืนวางตาข่ายเรียบร้อยก็เข้าสวดมนต์ภาวนาตามปกติ นั่งสมาธิรอจนตกดึกรอจนได้ยินเสียงที่ดักสัตว์ทำงาน แล้วก็จับเจ้าตัวประหลาดได้จริงๆ แต่พอไปถึงตัวจะจับมันกลับอันตรทานหายไปต่อหน้าต่อตา
ด้วยความที่ฝึกวิชามานานเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้กลัวอะไร เพียงแต่เข้าใจได้ว่าไม่ใช่สัตว์ในมิติโลกแน่นอนและเค้ามาถ่ายเป็นทองให้เรา มันน่าจะมาเพื่ออะไรสักอย่าง จึงได้จุดธูป 16 ดอก บอกเจ้าที่เจ้าทางขอขมาในสิ่งที่ทำและอธิฐานขอให้ปรากฎตัวอีกสักครั้งเพื่อให้ได้เป็นความรู้ความเข้าใจในการอยู่ป่าแถบนี้ หากท่านมีเมตตาก็ขอให้ได้พบ
พอธูปหมดครึ่งดอก ก็เห็นตาแดงๆ มากันเป็นกลุ่มๆ ได้ยินเสียงพูดคุย คือเป็นการได้ยินทางจิต เนื่องจากปากเจ้าตัวนั้นไม่ได้ขยับแต่อย่างใด ด้วยการฝึกผนวิชามาจึงมีความสามารถในการสื่อสารทางจิตอยู่แล้ว ก็ได้ถามโต้ตอบไปมา สรุปความได้ว่า
เจ้าตัวที่ว่านี้ อยู่กันเป็นกลุ่มเป็นสัตว์พิเศษในดินแดนหิมพานต์ เรียกง่ายๆ ว่า อสุรทิน รูปร่างที่มามีสี่หูห้าตา มีทั้ง สี่แขนสองขา สองแขนสี่ขา อาจจะเป็นเพราะอายุที่ต่างกัน หรือลำดับการปกครองของถิ่นเค้าก็เป็นได้ แต่ทั้งหมดมาดีไม่ได้มาร้าย อยู่ในมิติใกล้เคียงกับภพภูมิของมนุษย์ คือ อยู่ระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์ จะคอยช่วยชาวบ้านที่มีคุณธรรม ส่งเสริมให้ทำกุศลและสิ่งดีงาม ชอบอยู่ใกล้ผู้ปฏิบัติ กินเปลวไฟเป็นอาหาร ที่เห็นว่ามาช่วยดับไปเพื่อไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อนก็เป็นกุศลอย่างหนึ่ง แต่หากชาวบ้านลุไปด้วยกิเลสตัณหาก็จะไม่ออกมาช่วย และถ้าใครปฏิบัติดีถึงพร้อมก็จะมีก้อนทองอย่างที่ได้ไป แต่ให้ไปเพื่อไปสร้างกุศลต่อถ้าไม่เป็นดังนั้นก้อนทองนั้นจะสลายกลายเป็นดินไปหมด
ในการที่ต้องมาสร้างกุศลช่วยมนุษย์ สืบเนื่องมาจากว่า อสุรทินนี้ เป็นสัตว์ที่มีความพิเศษในตนแต่ก็มีการหลงผิดอยู่ จึงถูกทำโทษจากผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์สั่งให้ลงมาช่วยเหลือมนุษย์ โดยถูกสาปให้มีรูปร่างประหลาด มีสี่หู เพื่อที่จะได้ฟังให้รอบคอบ อย่าได้ฟังแค่เพียงส่วนเดียวแล้วตัดสินใครเค้าไปหมด และยังเป็นเครื่องเตือนใจในการดำรงคุณธรรม ให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถึงจะถูกส่งมาให้ช่วยเหลือมนุษย์ก็จริงแต่ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ จึงเป็นเหตุให้มีห้าตา มองสิ่งใดต้องมองหลายๆ ด้าน ต้องมีการยับยั้งชั่งใจ มีศีลธรรมในการดำรงชีวิตในมิติของเค้า และใช้คุณธรรมเหล่านี้ในการพิจารณาที่จะช่วยเหลือมนุษย์ผู้ใด ว่าสมควรแก่การรุ่งเรืองแล้วจึงจะเข้าไปพิทักษ์รักษามนุษย์ผู้นั้น
หลังจากที่ท่านเข้าใจเจตนาของอสุรทินแล้ว ก็ได้ลาซึ่งกันและกันและได้เก็บก้อนทองนั้นไว้เตือนใจในการปฏิบัติตน อย่างที่อสุรทินได้สอนมา ซึ่งก็ใช้หลักนี้ในการดำเนินชีวิตมาตลอดจนได้รับความเชื่อถือ เป็นที่นับหน้าถือตา เพราะเป็นผู้มีคุณธรรมดี อย่างที่พวกเราๆ ได้เห็นนี่แหละ
เมื่อพวกเราได้ฟังท่านเล่าให้ฟังและสอนข้อคิดจากสี่หูห้าตาในแบบที่ไม่ใช่ในตำนานแล้ว เราก็ว่ามันเป็นเรื่องดีนะ ถ้ามีอยู่จริงเราก็ขอให้อสุรทินได้รับกุศลที่เราทำด้วย เพราะเรื่องราวของท่านได้สอนใจพวกเรา และให้ข้อคิดที่ดีในการวางตนในสังคมเป็นอย่างดี
วันนั้นพวกเราก็เดินทางกลับอย่างสบายใจ ได้รับความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้ยิน แล้วก็พากันคุยกันว่าน่าจะมีตุ๊กตาสี่หูห้าตาเนอะตัวจริงน่าจะน่ารัก เพราะตัวที่ให้คุณเพื่อนไปตอนนั้นมันดูขลังมากๆ เลยยยยยยย
Leave a Reply