..ก ว่ า จ ะ ม า เ ป็ น ค รู ส อ น โ ห ร า ศ า ส ต ร์ …
…ไ ม่ ไ ด้ ม า เ พ ร า ะ โ ช ค ช่ ว ย …
…แ ต่ ลุ ย ม า อ ย่ า ง โ ช ก โ ช น ..!
( E p i s o d e…1 0 )
..สายวันหนึ่งมีชายชาวไต้หวันคนหนึ่งอายุดูราวๆ น่าจะใกล้ๆ หกสิบเห็นจะได้ ได้เดินเข้ามาในสำนักงานฯของผม พร้อมกับผู้หญิงสาวชาวไทยคนหนึ่ง…”สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทัก…เค้าก็ยิ้มให้ผม จึงได้เริ่มพูดคุยกัน
… หลังจากที่ผมได้สนทนากับหญิงสาวชาวไทยไปได้ประมาณหนี่ง..
…หญิงสาวผู้นั้นก็ได้เอ่ยถามผมว่า…” อาจารย์รับตั้งศาลฯ ด้วยมั้ยคะ ? “…
…ผมเองก็เคยได้ร่ำเรียนวิชาชัยภูมิศาสตร์ จากครูบาอาจารย์ จนมีความรู้ในเรื่องการอ่านชัยภูมิ
…และการตั้งศาลฯ ตั้งเสาเอก ฯลฯ ..อยู่พอตัว..จึงได้ตอบรับหญิงสาวผู้นั้นไป…”รับครับ จะตั้งที่ไหนกิจการอะไร หรือว่าตั้งในบ้านที่อยู่อาศัยครับ” ผมก็ซักถามรายละเอียด
…จากการสนทนากับหญิงสาวไปได้อีกสักระยะ จึงรู้ว่าชายไต้หวันคนนี้ เป็นเจ้าของบริษัทฯ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการบันทึกเสียง…ส่วนหญิงสาวชาวไทยที่มาด้วยนั้น เธอเป็นเลขาฯ ชื่อว่า ” ปุ้ย “…
…ผมจับใจความที่ปุ้ยได้อธิบายถึงความต้องการที่จะตั้งศาลฯ ก็ได้ความว่า…
…เจ้านายของเธอได้ไปดูดวงกับซินแสที่เมืองจีนเมื่อสักสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา ซินแสก็แนะนำให้ตั้งศาลฯ ..
…เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ในสถานประกอบการ…เนื่องจากซินแสบอกว่าสถานที่ตรงนั้น มีพลังงานที่ไม่สู้ดีแอบแฝงอยู่…แต่ เจ้านายชาวไต้หวันคนนี้ ก็มิได้ใส่ใจในคำพูดของซินแสเท่าไหร่
…แต่เมื่อเดือนที่แล้วที่ผ่านมานี่เอง บริษัทฯ ก็มาประสบปัญหาทางด้านการเงิน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน..
…คุณปุ้ยจึงได้พาเจ้านายของเธอมาปรึกษาและขอให้ผมได้ช่วย ตามคำแนะนำจากคนที่เธอรู้จัก..
…ผมก็เลยขอดูดวงเจ้านายของเธอ และเมื่อได้วิเคราะห์ดูแล้วก็จะเห็นว่า ในดวงชะตาเจ้านายของเธอนั้น
…มีดาวศุกร์เด่นมาก ได้ตำแหน่งเกษตรทั้งชั้นนอกและชั้นใน…ผมจึงแนะนำไปว่า ..
…ดวงชะตาอย่างนี้ ต้องตั้งศาลบูชาพระพิฆเนศ…ปุ้ยก็บอกเจ้านายไปตามนั้น พอเจ้านายชาวไต้หวันทราบ ก็ตอบตกลงทันที..
…ผมก็เลยบอกกลับไปว่า “เดี๋ยวผมจะรีบออกแบบศาลฯและกำหนดวันพิธี ตามลำดับให้…แต่ตอนนี้ผมขอไปดูสถานที่จริงก่อน เพื่อวางตำแหน่งหาความเหมาะสม ดูว่าสมควรจะทำอะไร อย่างไร”
…พอมาถึงสถานที่ที่ตั้ง ก็พบว่าบริษัทฯนี้ อยู่บนถนนพระโขนง – คลองตัน เข้าซอยไปอีกนิดนึง ( จำไม่ผิดน่าจะสุขุมวิท 71 )…เป็นบ้านสองชั้นเก่าๆ ที่ปรับปรุงใหม่ดัดแปลงเป็น โฮมออฟฟิศ
…หน้าตาก็เหมือนกับบ้านกล่องเหลี่ยมๆในย่านสุขุมวิทประมาณปี 2500 ยุค retro นั้นแหละครับ
…บ้านสองชั้นหลังนั้นตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 200 ตรว. อาคารโดยรวมเป็นสีขาวสว่าง วางตัวบ้านชิดหลังที่… จึงมีสนามหน้าบ้านกว้างพอสมควร หน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ มีรั่วโปร่ง…
…ตามหลักชัยภูมิศาสตร์ ถ้าหน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศแห่งพระยม หากทำรั้วบ้านโปร่ง ย่อมจะส่งผลให้เจ้าของบ้าน หรือผู้เช่าบ้านมีปัญหาทางด้านการเงินและสุขภาพได้
…วิธีแก้ไข ( ในกรณีที่ไม่ต้องการก่ออิฐ ) ก็ปลูกต้นไม้ให้เป็นแนวทึบ เช่น ต้นโมก ไผ่เลี้ยง พู่ระหง ฯลฯ
…ส่วนประตูเหล็กเลื่อนบานใหญ่ ก็แนะให้นำเอาไม้มาใส่เสริมตามแนวช่องว่างของเหล็ก เพื่อให้ช่องว่าง แคบที่สุด
…ผมก็เดินสำรวจไปรอบๆ ตัวบ้าน ดูไปก็ก็แนะให้ทำโน้นนี่นั้นไป จะทำหรือไม่ทำ ผมก็ไม่ได้บังคับ แค่บอกกับเค้าไปว่า…..” เ ร า ไ ด้ เ ตื อ น คุ ณ แ ล้ ว “…ก็แล้วแต่ทางคุณเอาที่สบายใจเลยครับ
….ทีนี้ผมก็กลับมาให้ความสำคัญกับเรื่องการตั้งศาล เพื่อเป็นการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ตามที่เจ้าของกิจการเชื่ออย่างนั้น
…ดูจากชัยภูมิความเหมาะสมแล้ว ตรงรั้วบ้านด้านหน้านั้นแหละ จะตรงกับทิศพระยมพอดี..
…เราก็ปรับให้เป็นทิศขุมทรัพย์ ตั้งศาลในรูปแบบจำลองสวรรค์มาเลย…เรียกว่า ปรับที่ร้ายให้กลายเป็นดี…
…ผมก็วาง Lay-out ออกมาเป็นศาลพระพิฆเนศ ตั้งอยู่บน ” เขามอ “..( ภูเขาจำลองจัดเป็นสวนเลียนธรรมชาติ )…ความสูงอยู่ที่ 190 เซนติเมตร ใช้หินทรายดิบๆ รูปทรงตามธรรมชาติมาจัดแต่ง..
…ด้านหน้าเขามอ ก็ขุดเป็นสระน้ำทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 280 เซนติเมตร ความลึก 90 เซนติเมตร..
…ที่พื้นสระ ก็วางหินเรียงรอบวง จำนวน 33 ก้อน…ที่ผนังสระก็มีหัวเจ็ทพ่นน้ำให้น้ำวนขวา ( ทักษิณาวรรต )
…รายละเอียดอย่างอื่นก็มากมายอีกเต็มไปหมด…
…ผ่านไปสองสามวัน ผมก็ยื่นแบบศาลพระพิฆเนศให้เจ้าของบริษัทฯ ดู เค้าก็ทำหน้าตาตื่นเต้น
… คงไม่คิดว่าจะอลังการงานสร้างขนาดนี้ ชายชาวไต้หวันก็เลยเรียกพนักงานคนไทยในบริษัทฯ มาช่วยกันดู
…ผมก็อธิบายในรายละเอียดต่างๆ ทั้งด้านการปลูกสร้าง กำหนดในการวางฤกษ์ ขั้นตอนพิธีกรรม รวมไปถึงงบประมาณ
…พอผมพูดถึงหินที่เรียงอยู่ที่พื้นสระจำนวน 33 ก้อน ทุกคนก็สงสัย ให้ความสนใจว่า ทำไมต้อง 33 ก้อนด้วย
…มาถึงตรงนี้ ผมก็อธิบายว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า …จำนวน 33 นี้เราใช้แทนค่า ” สวรรค์ ” ครับ..
…จำนวน 33 นี้ ในภาษาเนปาลี จะใช้คำว่า ” ตาวตรึง ” ซึ่งก็กลายมาเป็นคำว่า ” ดาวดึงษ์ ” สวรรค์ชั้นที่ 33
…ส่วนน้ำที่หมุนเป็น ทักษิณาวรรต ก็เป็นสัญญาลักษณ์ของ องค์อินทร์ และเทพพิรุณ…
…ดังนี้แล้ว…ณ จุดนี้ จึงเป็นศูนย์กลางของความศักดิ์สิทธิ์ตามคติพราหมณ์ โดยแท้..
…” แล้วสิ่งเลวร้ายต่างๆ จะหายไปมั้ยครับอาจารย์ “…ชายผู้หนึ่ง เอ่ยถาม..
…” การที่เราทำอย่างนี้ก็เป็นการสลายพลังงานไม่ดีทั้งหลายออกไป เหลือแต่พลังงานที่ดี สิ่งดีๆก็จะหมุนเวียนเข้ามาครับ ” ผมตอบกลับ…แล้วทุกอย่างที่ผมเสนอไป ก็ผ่านทั้งหมด เงินงวดแรกเพื่อการปลูกสร้างก็ถูกจ่ายออกมา…
…ไม่ถึงสามวัน วัสดุก่อสร้างและทีมงานก็ลงพื้นที่ งานฐานรากก็เริ่มก่อน ไม่ว่าจะเป็นงานตอกเสาเข็ม งานเหล็ก งานปูน
…งานก็ดำเนินไปได้สักหนึ่งสัปดาห์ ไม่มีอะไรติดขัด จนมาถึงวันที่ต้องนำพระพิฆเนศขึ้นประทับบนแท่น ที่ยอดเขามอ…ผมก็คาดว่า น่าจะนำขึ้นในช่วงบ่าย แต่ก็มีปัญหาเรื่องความพร้อมด้านงานไฟ จึงต้องรอนำขึ้นในช่วงเย็น
…พอถึงช่วงเย็น ก็ยังไม่พร้อมจะนำขึ้น ผมเลยต้องขอตัวกลับก่อน ” ไว้ขึ้นพรุ่งนี้ ก็ได้นะนายช่าง ” ผมกล่าว..
…” แล้วถ้างานไฟเสร็จ ผมเอาขึ้นคืนนี้ได้มั้ยครับ จะได้เสร็จเรื่องไป ” นายช่างถามต่อ..
…ผมก็เลยตอบกลับไป ” ได้สิ ก็ดีเหมือนกัน จะได้เช็คดูแนวแสงสปอร์ตไลท์ ไปทีเดียวเลย “…แล้วผมก็เดินทางกลับ
….ราวสักสามทุ่มกว่าๆ ก็มีโทรศัพท์จากนายช่างโทรมาหาผม…” อาจารย์ครับ เมื่อสักครู่นี้มีเรื่องแปลกๆ ครับ “……นายช่างกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก…” มีอะไร รึ ? ” ผมถามกลับไปด้วยความกังวล
…นายช่างก็ค่อยๆเล่าต่อไปว่า ..” ตอนที่ผมนำองค์พระพิฆเนศขึ้นวางไว้บนแท่น ขยับเข้าทีแรกก็ไม่มีอะไรนะครับอาจารย์
…แต่พอไอ้รุจช่างไฟมันลองขยับสปอตไลท์เพื่อดูทิศทางแนวแสงไฟ หลอดก็ขาดเลยครับ แต่ก็ไม่เห็นว่าผิดสังเกตนะครับ
…ก็เลยเปลี่ยนหลอดแล้วลองใหม่ ทีนี้ ไฟดับหมดทั้งบ้านเลยครับ “…นายช่างเล่าด้วยความตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ…” ตู้โหลดมีปัญหารึ ? ช่าง “…ผมก็ถามต่อกลับไป..
…” ก็งั้นแหละครับ เหมือนมีอุปกรณ์อะไรช๊อตสักอย่าง อ่ะครับ แต่ก็เช็คสวิทซ์ทุกตัวแล้วก็ปกตินะครับ ผมเองก็ให้ไอ้รุจลองทิ้งช่วงดูสักพัก…ก็มั่นใจว่าไม่มีอะไร ก็เลยเปิดสปอตไลท์ตามเดิม “…นายช่างทิ้งช่วงการเล่า …” ตกลงปกติใช่มั้ย ? ” ..ผมเอ่ยถาม
…” ปกติอะไรล่ะ อาจารย์..พอบิดหัวสปอตไลท์เท่านั้นแหละครับ ไฟดับยาวเลย ดับทั้งบ้าน ดับอยู่หลังเดียว
…บ้านอื่นเค้าก็สว่างโล่ ไอ้รุจมันบอกว่า มันเป็นช่างไฟมาสิบกว่าปี มีครั้งนี้แหละที่เป็นครั้งแรกที่หาสาเหตุไฟดับไม่เจอ “…ผมก็ถามต่อไปว่า ” ฟิวส์ขาดรึป่าว ? “….
…” โถๆๆๆๆ อาจารย์ พวกผมทำงานกันมาจนหัวหงอกแล้วนะอาจารย์…ไม่เคยพบเคยเห็น ถ้ามันไม่แปลก ผมจะโทรมาหาอาจารย์ ทำม้ายยยย ? ” นายช่างมันทำเสียงสองใส่ผม
…” เอ้าแล้วตอนนี้ ก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้เลยรึ ? ” ..ผมถามกลับไป นายช่างก็ตอบกลับมาแบบสั้นๆว่า ” ยังครับ “…
…ผมก็เลยให้คำแนะนำไปว่า ” เอางี้ ไปหาซื้อธูปมา ปากซอยมีเซเว่น กลั้นใจตั้งจิต เอามือคว้าธูปขึ้นมาเลย แบบไม่ต้องนับ
…จุดธูปแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอขมาองค์มหาเทพฯ ข้าพเจ้า ขอให้อุปสรรคต่างๆได้ผ่านพ้นไปด้วย เทอญ ” ..
…แล้วผมก็ย้ำไปอีกว่า ” ประมาณนี้นะนายช่าง ทำดูนะ ได้เรื่องอย่างไงโทรกลับมาบอกนะ อาจารย์จะรอ ”
…ผ่านไปราวสี่สิบนาที นายช่างก็โทรกลับมา ” เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์ ไม่มีปัญหา แต่ที่มีปัญหาก็คือ ไอ้พวกนี้…ทุกคืนมันก็นอนค้างกันได้ มาคืนนี้ พวกมันจะกลับกันหมดครับ ไม่มีใครนอนกันสักคน” ละก็บ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย
…ตอนนั้นมันก็ดึกแล้ว ผมก็เลยขี้เกียจจะคุยต่อ เลยตอบกลับไปว่า ” ตามใจละกัน แต่ปิดบ้านให้ดีนะ อะไรหายได้เก็บเข้าในบ้านให้เรียบร้อย…เปิดไฟในบ้านทิ้งไว้ด้วย รองเท้าแตะก็วางๆ ไว้ด้วยนะ ทำเหมือนมีคนนอนอยู่ “…แล้วผมก็วางสาย เข้านอนตามปกติ
…รุ่งขึ้นตอนช่วงสายๆ ผมก็เดินทางไปที่หน้างาน ออฟฟิศนี้ในช่วงกลางวัน เค้าก็ทำงานกันตามปกติ แต่งานส่วนใหญ่…ก็ทำกันอยู่ด้านนอก พอตกเย็นพนักงานออฟฟิศก็เลิกงานกลับบ้านกันไปหมด
…พวกคนงานทุกคนก็ไม่อยากเดินทางกลับ เพราะรถมันติดช่วงเย็น พักอยู่ชานเมือง กว่าจะหลุดการจราจรออกไปได้…ก็กินเวลาสองสามชั่วโมง เช้าก็ต้องรีบมาตั้งแต่เช้ามืด…สู้ปักหลักพักค้างกันที่หน้างานเลยดีกว่า….จึงให้นอนกางมุ้งค้างกันตามระเบียงบ้าง ตามโรงรถบ้าง…ลูกทีมพวกนี้ ทำงานกันมานาน ไว้ใจได้ทุกคน…ไอ้เรื่องมือไวใจเร็ว ไม่มีแน่…
…พอผมมาถึงปุ๊ป ผมก็ตรงเข้าดึงมือนายช่างเข้าไปคุยกันตรงที่ปลอดคน แถวข้างหลังบ้าน…
…” ตกลงเมื่อคืนมีอะไร ทำไมไม่มีใครนอนเฝ้าเครื่องมือ “..ผมถามนายช่าง..นายช่างแกก็หันซ้ายหันขวา แล้วจึงค่อยตอบ
…” คืองี้อาจารย์ … พอผมขอขมาองค์พระพิฆเนศเสร็จ ไอ้รุจก็เข้าไปเช็คไฟ พอสับเบรคเก่อร์ ไฟก็มาเป็นปกติ แต่…”
..” แต่ อะไรอีกล่ะ ? ” ผมถามด้วยความอยากรู้…นายช่างก็ตอบกลับมาว่า
…” พอไฟสว่างนะ ทั้งไอ้รุจ ไอ้แจ๊ค ไอ้หน่อง มันก็เห็นคนเดินขึ้นบันไดไปหยุดอยู่ตรงชานพัก ทีแรกมันก็คิดว่าเป็นผม
…ไอ้แจ๊คมันก็เดินไปดู ปรากฎว่า มันเห็นเป็นผู้หญิงแก่ ผมหงอกขาวทั้งหัว ใส่ผ้าถุง หันมาเอ็ดใส่มัน “..
…ผมฟังแล้วก็ขนลุกซู่..แล้วก็ถามต่อ ” แล้วไอ้แจ๊คมันอยู่ไหน ? “…มันไข้ขึ้น ไม่มาแล้วครับ มันบอกจ้างเท่าไหร่ก็ไม่มา ”
…” แล้วรู้มั้ย ว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าเอ็ดไอ้แจ๊คว่าไง มันบอกรึป่าว ? “…ผมถามเพราะอยากรู้รายละเอียด
…” ผมก็ไม่รู้นะ ขวัญมันเสียแล้ว ว่าเสร็จงานก็ว่าจะพามันไปรดน้ำมนต์ ตอนนี้งานก็ใกล้เสร็จแล้ว ไม่มีอะไรเท่าไหร่ แค่เก็บงาน พรุ่งนี้ก็เสร็จแล้วครับ ไม่ต้องเพิ่มคน ..เดี๋ยวผมขอตัวไปดูงานก่อนนะครับ อาจารย์ “…
…แล้วนายช่างก็เดินละผมไป เพื่อรีบไปเก็บงานให้เสร็จไวๆ
…ผมกลับมานั่งคิดๆ ดู ผีคนแก่ที่ไอ้แจ๊คมันเห็น คงเป็นวิญญาณที่อยู่ในบ้านหลังนี้ และก็คงไม่พอใจที่พวกเรามารบกวน
…แถมยังมาตั้งศาลพระพิฆเนศ อีก…ดังนั้นผมเลยเปลี่ยนแผน โดยการเพิ่มรายการทางพิธีสงฆ์ทำบุญบ้านก่อน ….เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณที่อยู่ในบ้านหลังนี้เสียก่อน ที่จะประกอบพิธีทางพราหมณ์ แล้วก็รีบจัดแจงทันที
…และเมื่อพิธีสงฆ์เสร็จสิ้นลง พระฉันเพลเรียบร้อย ผมก็ต้องไปเตรียมตัวจัดหาข้าวของเครื่องบวงสรวงที่ยังขาดอยู่…เพื่อทำพิธีพราหมณ์ในวันถัดไป …
….กล่าวถึงเรื่องฤกษ์สักนิด…
…สำหรับกิจการที่เกี่ยวกับงานด้านบันเทิง ก็จะใช้ ” เทศาตรีแห่งฤกษ์ ” เป็นฤกษ์ทำการ เพราะจะทำให้มีคนให้ความสนใจ…และติดตามกันเป็นอย่างมาก…เวลาเราดูข่าวบันเทิง ก็มักจะมีข่าว การเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนต์ ถ่ายทำละคร
… เค้าก็ใช้ฤกษ์นี้กันทั้งสิ้น และเมื่อคำนวณ กนกนารีแล้ว ก็ได้ฤกษ์ที่ดี ในวันพรุ่งนี้ ช่วงเวลาบ่ายสอง สิบสี่นาที…
…เช้าวันพิธีฯ เราก็เตรียมงานกันตั้งแต่ช่วงสายๆ…วันนั้นเป็นฤดูร้อนช่วงเดือนกุมภา-มีนา..ท้องฟ้าก็สดใสดี..
…พักเที่ยง ต่างก็พากันเดินออกไปหาข้าวหาปลากิน พอหลังพักเที่ยงใกล้เวลาเข้างานในช่วงบ่าย
… ท้องฟ้าก็กลับเต็มไปด้วยเมฆดำทะมึนเคลื่อนตัวเข้ามา ลมนิ่ง อากาศก็เปลี่ยนมีกลิ่นไอดินขึ้นมา
…ไม่นานเท่าไหร่ ฝนก็ตกลงมาอย่ากับฟ้ารั่ว…ผมเองและพนักงานทั้งออฟฟิศ ต้องวิ่งออกมาช่วยกันเก็บข้าวของกันจ้าละหวั่น…..ฝ่ายคนไต้หวันเจ้าของบริษัทฯ ก็ทำหน้าตางงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงนึกในใจว่า จะทำพิธีได้หรือ..
…ใกล้เวลาบ่ายสองแล้ว ฝนยังไม่ขาดเม็ดเลย…คุณปุ้ยเลขาฯ ก็เดินเข้ามากระซิบ ” อาจารย์คะ จะทำพิธีได้มั้ยคะ ? ”
…ผมก็คิดแผนสองไว้ในใจ จะมาตกอะไรวันนี้ว่ะ ฝนนะฝน…” ไม่เป็นไรคุณปุ้ย ถ้าฝนไม่หยุด อาจารย์ก็ลุยฝนทำพิธีเลย “…มาถึงขั้นนี้แล้วอ่ะนะ ผมต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคน…
…พอถึงเวลาบ่ายสอง ก็เกิดปรากฎการณ์ที่แปลกประหลาดขึ้นมาอีกครั้ง…คือ
…เมฆฝนบนท้องฟ้าตรงบริเวณที่เราอยู่ ก็แหวกออกเป็นวงกลมกว้าง ทำให้ฟ้าสว่างขึ้นมาในทันใด !!…
…พนักงานทุกคนต่างตกตะลึ่งในเหตุการณ์ที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า…รวมทั้งตัวผมเองด้วย…
…” เอาเลย เรามาช่วยกันตั้งโต๊ะทำพิธีกัน “..ผมพยักหน้ากล่าวชวนพนักงานที่ยืนทำหน้างงๆ กันอยู่..
…สนามหญ้ามีน้ำเจิ่งนอง เดินลุยลงไปก็ท่วมถึงตาตุ่มเลยครับ …แต่ทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ทุกคนก็กระวีกระวาด ถอดรองเท้าออกไปลุยตั้งโต๊ะ วางเครื่องบวงสรวงกัน ต่างก็ส่งเสียงถามกัน อะไรวางตรงไหนให้เซ็งแซ่ไปหมด..
..แล้วทุกอย่างเสร็จทันตามกำหนดพิธีเป๊ะ !!…แล้วผมก็อ่านโองการฯ …ไปจนจบพิธี…
…เป็นที่เสียดายที่รูปถ่ายทั้งอัลบัม สูญหายไปเมื่อครั้นน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554….เลยไม่มีรูปมาให้ดูกัน
…จากนั้นไม่นาน คุณปุ้ยเลขาฯ ก็โทรมาเสียงใส “อาจารย์คะ ตอนนี้บริษัทฯ ผ่านพ้นวิกฤตไปได้แล้วนะคะ ขอบคุณอาจารย์มากๆ แล้วหนูก็ลาออกแล้วด้วยคะ เพราะเดือนหน้าหนูจะแต่งงานแล้วคะพอแต่งแล้วหนูจะย้ายไปอยู่ออสเตรเลียเลย อาจารย์อวยพรหนูหน่อยสิคะ”
“โชคดีมีชัย มีชีวิตที่ดี ครอบครัวอบอุ่น เดินทางปลอดภัยนะ แล้วกลับมาเยี่ยมอาจารย์บ้างน้าาา” ผมก็อวยพรปุ้ยไปด้วยใจที่ยินดี

ยังครับยังไม่จบยังมีต่อ รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
Link : ตอนที่ 9 ครีเอทีพสุดเซอร์ สู่สายโหรสุดแซ่บ
Link : ตอนที่ 11 ครีเอทีพสุดเซอร์ สู่สายโหรสุดแซ่บ
Leave a Reply