…ร ถ แ บ ล็ ค โ ฮ เ ข้ า จ้ ว ง ทํ า ล า ย ร า ก ไ ม้ ที่ แ ผ่ ค ลุ ม ห น้ า ดิ น …
…ลุ ง จุ ก เ รี ย ก ใ ห้ ผ ม ดู…สิ่ ง ที่ ติ ด ขึ้ น ม า กั บ ฟั น บุ้ ง กี๋ …!!…
…..ตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานอยู่เชียงใหม่ ก็จัดว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่ผมมีความสุขอย่างมาก
ถ้าตัดเรื่องผีเรื่องสางออกจากชีวิตไปได้
…..บ่ายวันหนึ่งคุณโจ้ก็ยื่นหนังสือ ” สังคมเมืองเชียงใหม่ เล่ม 4 ” …ส่งให้ถึงมือผม ผมรับหนังสือเรื่องนี้มาอ่าน ผมอ่านมาแล้วทั้งหมดสามเล่ม รวมเล่มนี้เข้าไปด้วย ก็เป็นเล่มที่สี่ ซึ่งคุณโจ้เคยบอกให้ผมฟังว่า
อาจารย์ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อที่จะได้รู้ถึงความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่ จะได้รู้ว่าคนเชียงใหม่เค้าเชื่อในเรื่องอะไร มีวิธีคิดกันอย่างไร และรวมถึงการได้รู้ในขนบทำเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของคนเมือง …
ผมเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณโจ้พูด หนังสือชุดนี้จัดเป็นหนังสือที่ดีมากๆ เวลาว่างเสร็จจากงาน ผมก็ชอบเอามานั่งอ่าน
…..ไม่นานนัก ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงได้รีบขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อหาหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แผ่นดินล้านนา เมื่อราวร้อยกว่าปีที่แล้ว ยุคสมัยที่ฝรั่งเข้ามาทำสัมปทานไม้สักทางภาคเหนือ หนังสือเล่มนี้ได้วางรวมๆ กันอยู่กับกองหนังสืออ่านเล่นบนหัวนอน ผมนึกถึงภาพที่ผมได้เคยเห็นผ่านตา เป็นรูปผู้หญิงสูงศักดิ์นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยผมสยายออกฟูฟ่องปลายผมวางกองกับพื้น คะเนด้วยสายตาแล้ว กะความยาวของเส้นผมนี้ก็น่าจะยาวเกือบถึงเท้าเห็นจะได้ หากอยู่ในท่ายืน
….พอผมได้เจอภาพนี้ ที่มีอยู่ในหนังสือผมก็นึกย้อนถึงวันแรกที่มา แล้วป้าทองก็วิ่งเอาที่ถูพื้นกับไม้กวาดมาให้บอกว่าให้ทำเองนะคะหัวหน้า ป้าไม่ทำข้างบน แสดงว่าแกต้องเคยเห็น แล้วก็นึกไปถึงตอนที่คุณโจ้บอกว่าห้องที่ล็อคไว้เป็นห้องของเจ้านายชั้นสูง ผมก็เลยรีบวิ่งลงถามป้าทอง พร้อมกับพลิกรูปที่อยู่ในหน้าหนังสือ เปิดออกให้แกดู ” ป้าทอง ป้าทอง ป้าเคยเห็นผีผู้หญิงบนเรือนมั้ย และผู้หญิงที่ป้าเห็นบนเรือนข้างบน เหมือนกับผู้หญิงในรูปนี้รึป่าวครับป้า ? “…ทันทีที่ป้าทองได้เห็นภาพ ป้าทองแกก็อ้าปากค้าง ทำตาถลนพองโตเหมือนเห็นผี พร้อมกับเบ้หน้าหนีเอามือสองข้างดันหนังสือออกจนสุดแขน แล้วพูดว่า ” หัวหน้าเอาอะไรมาให้ป้าดู ป้าไม่ได้อยากดูนะ ” ป้าทองพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ผมจึงได้โอกาสสืบสวนเรื่องผีที่ป้าทองเคยเจอ
….. ป้า ไหนๆ เราก็อยู่กันมานานละ ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยซิว่า ผีที่ป้าเจอข้างบน หน้าตามันเป็นอย่างไงกำลังทำอะไรอยู่ ผมเอ่ยปากถามป้าทอง ด้วยน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงาน .. ป้าทองแกก็ทำท่าเหมือนกับจะเรียกสติกลับมา สักพักแกก็เริ่มเอ่ยปาก ” ป้าไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้เลย มันน่ากลัวมันยังติดตาป้าอยู่เลย แล้วหัวหน้าอยากจะรู้ไปทำไมคะ ? ” ป้าทองย้อนถามผม
” ก็เผื่อผมจะได้มีข้อมูล เพื่อจะได้แก้เรื่องปัญหาผีๆ สางๆ ที่มีอยู่ที่นี่ได้ไงครับ เผื่อจะได้รู้ว่า วิญญาณเหล่านี้เค้าต้องการอะไร ” ผมพยายามตะล่อมให้ป้าเล่าให้ฟัง แล้วป้าทองก็เริ่มเล่าถึงผีบนคุ้มให้ผมฟังแบบตะกุกตะกัก พอจับใจความได้ว่า
…..วันแรกของการทำงานที่คุ้มฯ ของป้าทองก็เริ่มต้นด้วยการเก็บกวาดบริเวณชั้นล่างของตัวคุ้มฯ ทั่วไป
เพื่อจัดเตรียมให้เป็นที่พักของป้าและลุงจุก แล้วคืนแรกที่ป้าได้นอนพักค้างที่คุ้มหลวงแห่งนี้ ป้าก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินอยู่ข้างบน ก็รีบสะกิดให้ลุงจุกตื่นมาฟัง แต่ลุงจุกก็หลับเป็นตายด้วยความเพลีย จึงคิดไปว่าอากาศที่เย็นลงในตอนกลางคืน คงทำให้เกิดเป็นเสียงไม้พื้นกระดานลั่นขึ้นได้ เลยจึงหลับไปโดยไม่ติดใจคิดอะไร
…รุ่งขึ้นก็เริ่มไล่กวาดถูทำความสะอาดเรือนทั้งหลัง ลุงจุกก็บอกให้ป้าเริ่มไล่ทำความสะอาดจากด้านบนชั้นสองลงมาก่อน ป้าก็ทำตามที่ลุงจุกแนะนำ วันนั้นเป็นช่วงเวลาบ่ายๆ ป้าก็เปิดหน้าต่างที่ห้องโถงชั้นบนเพื่อให้ฝุ่นได้ระบายออก ในขณะที่ป้ากำลังเร่งมือทำความสะอาดกวาดถูอย่างขมักเขม่นอยู่นั้น จู่ๆ ประตูห้องนอนใหญ่ก็ได้ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ ป้าไม่ทันได้คิดอะไรก็เดินเข้าไปปิดงับไว้อย่างเดิม เพราะเข้าใจว่าที่ประตูห้องเปิดนั้นเกิดจากแรงลมข้างนอก แล้วก็กลับไปถูพื้นต่อไม่ได้คิดอะไร..
แต่แล้วประตูห้องนอนใหญ่ห้องเดิมก็เปิดออกมาอีก ทีนี้ไม่ทันที่ป้าจะเดินไปปิด!!! ร่างของผู้หญิงผมยาวก็ได้ปรากฎขึ้นทันที วินาทีนั้นป้ามั่นใจมากว่าาาาา…. สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันต้องเป็นผีอย่างแน่นอน….ล้าน %
…. ผีผู้หญิงตนนั้นแต่งตัวเหมือนหญิงผู้สูงศักดิ์ในสมัยโบราณ เส้นผมเหยียดยาว ปลายผมยาวเลี่ยละพื้น เหมือนไม่เคยผ่านการตัดผมนานมากกก…แล้วก็เดินก้มหน้าตรงเข้ามาหาป้า แกว่งหัวไปมาอย่างช้าๆ ทำท่าคล้ายราวกับว่า จะใช้เส้นผมกวาดพื้นก็ไม่ปาน ที่แทบเท้าของผีเจ้าหญิงทั้งซ้ายและขวาก็มีบ่าวไพร่เป็นหญิง ทำท่าคุดคู้ชันเข่าขึ้น คืบตัวหมอบคลานขนาบข้างเจ้านายของมันตามกันออกมาจากห้องอย่างช้าๆ หน้าตาเหมือนคนโบราณทำตาถลึงใส่ป้า เหมือนกับมีความเกลียดชังเครียดแค้นกันมาเป็นร้อยๆ ปี
….ไม่ทันที่ผีทั้งสาม จะเคลื่อนเข้ามาถึงตัวป้า ป้าก็ร้องกรี๊ดๆๆๆๆๆ แล้วก็สลบไป วันนั้นลุงจุกแกเลยรีบพาป้าไปส่งที่โรงพยาบาลมหาราช โดยที่ยังไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าป้าเป็นอะไร… พอป้าได้สติฟื้นขึ้นมาก็รีบเล่าเรื่องที่เจอผีให้ลุงจุกฟัง และบอกไปด้วยว่าก่อนจะเป็นลมหมดสติไปนั้น ป้ายังได้ยินเสียงผีเหล่านั้น ไล่!!! ป้าเลยจริงๆ นะ เสียงยังก้องติดหูอยู่เลยว่า ….” ป๋ายยยย ป๋ายฮื้อมด !! ” ( ไป ไปให้หมด )
จากนั้นลุงจุกกับป้าทองก็ปรึกษากันว่าจะไม่ขออยู่ที่คุ้มฯ นี้กันอีกต่อไป พอป้าทองออกจากโรงพยาบาล
ทั้งสองจึงตรงไปหาพ่อเลี้ยงเจ้าของคุ้มฯ เพื่อขอลาออก….แต่ทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง ก็วิงวอนขอให้ลุงและป้าอยู่ต่อ โดยการเพิ่มเงินเดือนให้อีกเป็นเท่าตัว และสั่งให้ดูแลเฉพาะชั้นล่าง ส่วนชั้นบนก็ปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่ต้องขึ้นไปดูแลเป็นเรื่องที่ทางบริษัทฯ จะจัดการเอง ทั้งลุงจุกและป้าทองจึงได้ตัดสินใจอยู่ดูแลคุ้มฯต่อไป ถึงแม้นจะมีความหวาดผวาอยู่บ้างก็ตาม
…..พอผมได้ฟังเรื่องราวของป้าทองจบ ผมก็หมดข้อสงสัยว่าทำไม ลุงจุกกับป้าทองถึงได้ทนอยู่กับผีได้เป็นนานก็เพราะค่าตอบแทนที่สูง วันๆ นึงแกสองคนก็แทบจะไม่มีเรื่องที่จะต้องใช้เงิน ก็น่าจะมีเงินเก็บเดือนละเป็นหมื่นเก็บไว้ใช้ตอนที่ทำงานไม่ไหว….ถึงไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเก็บ
…..ส่วนคุณโจ้ที่ทนอยู่อย่างนี้ได้ ก็เพราะคุ้มฯ แห่งนี้เป็นสมบัติของตระกูล จะอย่างไงก็ต้องช่วยพี่ชายของตัวเอง
คิดๆเรื่องของคนอื่นแล้วก็กลับมามองดูตัวเราเอง เออ..แล้วกูล่ะ กูต้องมาอยู่กับผี ” เ พื่ อ …..? ”
เรื่องบางเรื่องบนโลกใบนี้ บางทีมันก็ยากที่จะอธิบาย ว่าทำไมมันถึงต้องเป็นอย่างนี้….ผมอยู่กรุงเทพฯดีๆ แต่ทำไม ผมถึงถ่อมาให้ผีหลอกถึงเชียงใหม่ก็ไม่รู้…คิดแล้วก็ขำ…
……ผ่านมาอีกไม่นาน ผมก็เห็นป้ายบิลบอร์ดโฆษณาขนาดใหญ่ติดข้อความไว้ว่า …
…” เครือซีเมนต์ไทย สนับสนุนบล็อคปูพื้นถนนคนเดิน “… ผมก็เลยสอบถามคุณโจ้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้คำตอบว่าทางเทศบาลเมืองฯ เค้าจะทุบถนนคอนกรีตที่มีอยู่เดิมในเขตคูเมืองออก แล้วปูบล็อคตัวหนอนแทน
เพื่อปรับให้เป็น ” ถนนคนเดิน ” ..ตามนโยบายของนายกเทศมนตรี ที่ได้ประกาศไว้….
…..คุณโจ้เลยบอกกับผมว่าพ่อเลี้ยงสั่งมาว่า ให้นำเศษคอนกรีตที่ทางเทศบาลฯทุบถนนทิ้งมาถมในสนามด้านขวาของตัวคุ้ม เพื่อปรับให้พื้นสนามสูงขึ้น….พอผมได้ฟัง ผมก็ต้องร้องยี้ !! อะไรกัน จะเอาเศษปูนเศษอิฐหักมาถมสนามทำไม ไม่เข้าท่าเลย คุณโจ้เองก็ไม่ได้เห็นดีด้วยแต่ก็ไม่รู้จะขัดได้อย่างไร แกรู้จักนิสัยของพ่อเลี้ยงดีครับ ถ้าจะทำอะไร จะเอาอะไร ก็ต้องได้ เรียกว่าเอาแต่ใจแบบสุดๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คุณโจ้แกจึงได้ปรึกษาผมว่าจะเอาอย่างไงดี อาจารย์ช่วยดูแลเรื่องเทคนิคหน่อย
….ผมจึงแนะนำให้ใช้รถแบล็คโฮขนาดเล็ก เข้าไปขุดบ่อลึกสักสามเมตร ความกว้างก็ให้กินพื้นที่สักครึ่งสนาม แล้วค่อยเอาเศษคอนกรีตถมลงไป จากนั้นจึงนำดินที่ขุดขึ้นมากลบด้านบน แล้วเกลี่ยระดับดินให้เสมอ บดอัดให้แน่น เราก็จะได้ระดับพื้นดินทั้งสนามสูงขึ้นหนึ่งเมตรครึ่ง จากนั้นเราก็ทำคานรับแรงเบ่งก่อกำแพงปูนเท่านี้ก็เรียบร้อยสวยงาม และประการสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ถูกใจพ่อเลี้ยง….คุณโจ้เห็นด้วย และเห็นด้วยที่สุดก็อีตรงประการสุดท้ายนี่แหละครับ
……ตกเย็นวันนั้น ผมก็เริ่มโทรตามซัพพลายเอ่อร์ที่จะมาใช้ในงานนี้ นัดแนะเวลากันเตรียมงาน ก่อนที่เทศบาลจะนำเครื่องจักรหนักมาลงงาน…. คืนนี้เราทั้งสองพร้อมใจตกลงกันว่า จะพักตับกันสักสองสามวัน
กินเหล้ากินเบียร์ทุกวันก็ไม่ค่อยไหว ร่างกายเริ่มส่งสัญญาณ….พอหลังอาหารมื้อเย็น เราก็ขึ้นไปนั่งดูซีดีอยู่บนห้องนอน พอหนังหมดแผ่นเปิดโทรทัศน์ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดู เราทั้งคู่ก็พากันนอน นึกในใจอยู่ว่าคืนนี้ไม่ได้กินเหล้า กูจะโดนผีหลอกมั้ยว้าาาา…
….ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่าแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็น…ก็เห็นๆๆๆๆ ผีผู้หญิงปล่อยผมยาว ยิ้มฟันดำปี๋ใส่เสื้อแขนยาว นุ่งโจงกระเบน ขึ้นมาเหยียบอยู่บนหน้าอกผม ความรู้สึกของผมในขณะนั้นมันยังไม่ได้รู้สึกกลัวเลยนะ มันรู้สึกเหมือนถูกสะกดให้ต้องมองหน้าเจ้าผีตัวนั้น ในภาพที่ปรากฎอยู่อย่างเสมือนจริง ผมก็พยายามจะดิ้นๆๆๆให้หลุดออก แต่ก็ไม่สามารถดิ้น หรือแม้นแต่จะขยับตัวหนีได้แม้แต่นิดเดียว..
….เส้นผมของเจ้าผีตนนั้นมันยาวขนาดที่ว่า ปลายผมของมันมาละหน้าละตัวผม มันรู้สึกได้ชัดเจนอย่างกับไม่ใช่ความฝัน มันแสยะยิ้มพร้อมกับพูดว่า….” ปายยยย ปายกั๋นฮื้อ มด !!! “…ผมพยายามดิ้นสุดแรงเกิด
จนผมสะดุ้งตื่นรู้สึกตัวขึ้นมานั่งหอบแฮกๆ รีบเอามือคลำพระที่คอ เออ พระก็อยู่นี่…นี่แสดงว่า ผีแม่งหลอกไม่เกรงใจพระเลยเน้อ เราสองคนนอนเปิดไฟทุกคืนไม่เคยปิดก็คิดว่าสว่างแล้วผีจะไม่มา ผมก็ได้แต่หันไปมองคุณโจ้ที่ยังคงหลับอยู่ เลยกะไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเล่าให้ฟัง….
…รุ่งขึ้น ผมก็รีบเล่าเรื่องที่ผมเจอผีให้คุณโจ้ฟัง คุณโจ้ก็บอกว่าเมื่อคืนผมก็เจอคล้ายๆอาจารย์นี่แหละ กะจะเล่าให้ฟังเหมือนกัน แต่ที่ผมเจอมันเป็นความฝัน ประเภทฝันร้าย….พอเราสองคนได้ฟังเรื่องของแต่ละคนแล้ว ต่างก็พากันหัวเราะเหมือนเรื่องผี เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน …
….อีกสองสามวันต่อมา รถแบล็คโฮที่ว่าจ้างไว้ก็เข้ามาขุดสนามตามที่นัดไว้…. คนขับรถแบล็คโฮก็เริ่มเอาหัวบุ้งกี๋โขกลงไปบนพื้นดินที่แห้งๆแข็งๆ กลางสนาม ขุดลงไปได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็เห็นรากไม้ติดหัวจอบบุ้งกี๋ขึ้นมา คนขับรถแบล็คโฮก็ไม่ปรานีปราสัย กลับยิ่งจ้วงกระชากรากไม้นั้นออกอย่างเมามันส์ เท่าที่ผมมองดูก็คงเป็นรากของต้นพุทราร้อยปีที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมสนามในคุ้มฯ นี้ ธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่กิ่งที่อยู่ด้านบนแผ่ไปแค่ไหน รากที่อยู่ใต้ดินก็แผ่ออกไปเท่านั้น….จึงเป็นเรื่องปกติของต้นไม้อายุเป็นร้อยๆ ปี ที่จะมีรากมากมายขนาดนี้…
…..ผมละสายตาจากรถแบล็คโฮออกไป แล้วแหงนมองดูความอลังการของทรวดทรงต้นพุทราร้อยปี ที่มีกิ่งก้านงดงามในยามกลางวัน และน่าสะพึงกลัวในยามค่ำคืนอยู่อย่างเพลินเพลินๆ อยู่ๆลุงจุกแกก็ตะโกนขึ้นมาดังลั่น…เล่นเอาผมเองตกอกตกใจหมด… ” หัวหน้าครับ หัวหน้าครับ อะไรมันติดขึ้นมาครับนั้น !! “…ผมก็มองไปตามมือลุงจุกที่แกชี้ไป
….รถแบล็คโฮ มันจ้วงเอาอะไรขึ้นมาว่ะ ? !! ผมเพ่งมองไปที่ฟันบุ้งกี๋ ดูเหมือนมีซากอะไรติดขึ้นมาเหมือนเศษเหล็กขึ้นสนิม..
…..( เรื่อง ผีที่คุ้มเจ้าหลวงฯ ยังไม่จบนะครับ….อะไรที่ผมกับลุงจุกเห็น อะไรที่ขุดขึ้นมาได้จากใต้ดิน .. โปรดติดตามต่อไปนะครับ )
Link : ผีคุ้มเจ้าหลวง ตอนที่ 3
Leave a Reply