ผีคุ้มเจ้าหลวง ตอนที่ 1

modern-art-prints

เป็นเรื่องจริงในชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเจอ

…ผ ม ต้ อ ง ท น น อ น ร ว ม อ ยู่ กั บ ผี เ ป็ น เ ดื อ น ๆ…
…ด้ ว ย ค ว า ม ห ว า ด ผ ว า… แ ล ะ ข น หั ว ลุ ก ซู่ …!!…ตลอดเวลา

…ราวปลายปี พ.ศ. 2545 จนถึงราวกลางปี พ.ศ. 2547 ผมได้ย้ายที่พำนักพักพิงไปแห่งใหม่ เพราะ
…ผมได้รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป รับผิดชอบงานที่ “บ. วังปิยะบุตร” จังหวัดเชียงใหม่

…งานที่ผมต้องทำก็คือ งาน renovate ไม่จะเป็นการปรับปรุงคุ้มเจ้าฯ ให้เป็นศูนย์แสดงสินค้า และร้านอาหาร งานปรับปรุงโรงแรมเชียงอินน์ ในเนื้องานบางส่วนที่บริษัทฯรับผิดชอบ
…ภาพรวมของเนื้องานก็ดูสนุกดี ผมมีเวลาเที่ยวเล่นมากกว่าทำงานซะอีก เรียกว่า ทำไปเที่ยวไป ก็ยังได้
…แต่..ไอ้ที่ไม่ค่อยจะสนุกนักก็คือ…เรื่องผี !!…ที่ผมจะเล่าให้ฟังกันต่อไปนี้ นี่แหละ

…พอบริษัทฯได้รับผมเข้าทำงาน ผมก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าออกเดินทางทันที…
…ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในช่วงสายๆ แวะจอดตรงนั้นตรงนี้ไปตลอดทาง มาถึงสามแยกลำปางก็ล่อเอาซะเย็น
…ผู้บริหารของบริษัทฯ ก็โทรเข้ามาถามผมว่า ..ถึงไหนแล้ว…
…เค้าแนะนำให้ผมขับรถข้ามให้พ้นเขาขุนตาลไป ก่อนฟ้าจะมืด เพราะจะอันตรายมากสำหรับคนที่ไม่คุ้นเส้นทางอย่างผม
…กว่าจะมาถึงเชียงใหม่ ฟ้าก็มืดเสียแล้ว…วันนั้นทางบริษัทเลยแนะนำให้ผมไปพักที่อาพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง แถวถนนช้างคลาน…
…รุ่งขึ้น ทางทีมงานก็นัดให้ไปที่ ” คุ้มหลวงฯกลางเวียง “…ในความรู้สึกของผมขณะนั้น ทุกอย่างดูออกจะเป็นเรื่องใหม่
…เพราะทั้งบ้านเมืองและผู้คน…บอกได้เลยว่า..ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย…สิ่งที่ผมต้องทำในเวลานี้ก็คือ
…การปรับตัวให้เข้ากับทุกทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะเดินผ่านเข้ามา…

..เริ่มต้นจากประตูท่าแพ เราก็ใช้ถนนราชดำเนินมุ่งหน้าตรงไปยังวัดพระสิงห์ ทางซ้ายมือก่อนถึงศาลหลักเมืองแยกกลางเวียง
…เราจะพบ ” คุ้มเจ้าฯบุรีรัตน์ ( มหาอินทร์ ) “…จะเป็นคุ้มเจ้าฯทรง colonial
…เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่พบเห็นกันทั่วไปทางแถบภาคเหนือ    ปัจจุบันคุ้มเจ้าฯแห่งนี้ก็ได้ถูกยกให้กับทางการฯ เพื่อปรับเปลี่ยนเป็น พิพิธภัณฑ์สถาปัตฯล้านนา ไปแล้ว…
…พอข้ามแยกกลางเวียงมาได้ไม่กี่สิบเมตร ก็จะถึงคุ้มเจ้าฯอีกคุ้มหนึ่ง ที่ด้านหลังของคุ้มฯนั้น

เครดิตภาพจากคุณวงศ์รมัย นันทโชคทวีชัย
เครดิตภาพจากคุณวงศ์รมัย นันทโชคทวีชัย

… จะติดกับรั้วกำแพงฃองวัดเจดีย์หลวงและคุ้มแห่งนี้ ก็คือที่ๆทีมงานได้นัดหมายกัน
…” คุ้มเจ้าฯกิติบุตร ฯ ” คือชื่อของสถานที่แห่งนี้ ที่นี่จะดูแตกต่างจากคุ้มเจ้าบุรีรัตน์อยู่บ้าง…
…คือ รูปลักษณ์ของคุ้มฯนี้ จะเป็นเรือนมะนิลา ตกแต่งแบบบ้านขนมปังขิง มีเครื่องไม้ฉลุตกแต่งสวยงาม
…เครื่องไม้เครื่องเรือน มองดูรวมๆก็จะเป็นของเดิมๆ จะมีของใหม่มาติดมาซ่อมบ้างก็นิดหน่อย
…จึงดูทรุดโทรม ตามกาลเวลา…เรือนคุ้มฯ เหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นมาในยุคที่ฝรั่งเข้ามาทำสัมปทานไม้สัก สมัยรัชกาลที่ 5 คุ้มเจ้าฯทั้งสองนี้ มีอายุมากกว่าคุ้มเจ้าดารารัศมีฯ เสียอีก
…เท่าที่รู้มา เดิมทีคุ้มเจ้าบุรีรัตน์ เป็นหน่วยงานที่ดูแลทางด้านกลาโหม ส่วนคุ้มที่ผมต้องไปดูแลนั้น เดิมทีก็เป็นหน่วยงานที่ดูแลทางด้านการเงินการคลัง จึงเป็นคุ้มเรือนพี่เรือนน้องกัน
…ทีมงานเราก็ยึดเอาชั้นล่างของคุ้มฯเป็นที่นั่งประชุมกัน เนื้อหาของการประชุมก็จะเป็นการแนะนำว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร ใครรับผิดชอบเรื่องใด ซะส่วนใหญ่ และหลังจากที่เราได้ประชุมกันเสร็จเรียบร้อย
…ผมก็ได้รับคำสั่งให้นอนพักที่นี่ในระหว่างที่โครงการดำเนินงาน ทำให้ผมต้องย้อนกลับไปที่อาพาร์ทเม้น
…เพื่อขนของมาพักที่คุ้มฯแห่งนี้แทน ก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากวงประชุม ผมได้เงยหน้าขึ้น
…มองบรรยากาศรวมๆของคุ้มฯแห่งนี้อยู่พักหนึ่ง แล้วก็เลยต้องตั้งคำถามกับผู้บริหารฯว่า…
…” ตกลงผมต้องนอนที่นี่ตลอดไปเลยเหรอครับ ? “…ผู้บริหารฯเป็นคนใจดีครับ อายุก็ใกล้เคียงกับผม ทราบภายหลังว่าเป็นทายาทในตระกูลเจ้าของคุ้มแห่งนี่แหละครับ… แล้วเมื่อผมตั้งคำถามไปเค้าก็ตอบกลับมาว่า
…” ใช่ พักที่นี่แหระ สะดวกสบายทุกอย่างนะ ชั้นบนมีห้องน้ำห้องนอนจัดไว้เรียบร้อย เครื่องอำนวยความสะดวกครบ แค่ไม่มีมุ้งลวด ไม่มีแอร์ ต้องกางมุ้งนอน แต่ก็มีเครื่องทำน้ำอุ่น ที่นี่กลางคืนอากาศไม่ร้อนนะ เปิดหน้าต่างนอนเย็นสบายยยย
…ไอ้เรื่องนอนสบายไม่สบายผมเองไม่ได้ห่วงนะครับ ผมห่วงว่า…ถ้าต้องนอนคนเดียว มันคงวังเวงน่าดู จึงถามต่อไปอีกว่า
…” ให้ผมนอนคนเดียวรึป่าวครับ ? “…ผู้บริหารฟังผมถามแล้วก็เหมือนจะกลั้นหัวเราะ แล้วก็ยิ้มออกมานิดนึงก่อนที่จะตอบกลับ
…” นอนคนเดียวที่ไหนเล่า มีคุณโจ้นอนเป็นเพื่อนข้างบน ส่วนข้างล่างก็มีลุงจุก กับป้าทอง นอนเฝ้าอยู่ข้างล่าง “…พอผมได้ฟังก็ใจชื่นขึ้นมาหน่อย คุณโจ้ คือคนในตระกูลนี้แหระครับ เป็นหนุ่มโสด ยังไม่มีครอบครัว
…มีหน้าที่ดูแลเรื่องการเบิกจ่ายเงิน จัดซื้อจัดหา เป็นหูเป็นตาแทนพี่ชายแกนั้นแหละครับ
…อย่างไงเสีย คุณโจ้เองแกก็ไม่มีทางทิ้งผมไปไหนหรอกครับ เพราะแกเองก็เรียกผมว่าอาจารย์
…แกอยากจะมาอยู่ใกล้ๆกับผมแน่นอนครับ เพราะแกได้ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ไว้แล้ว
…เพราะต้องการให้ผมถ่ายทอดวิชาโหราศาสตร์ให้ ก็อยู่กันแบบพี่แบบน้อง อยู่กันอย่างครูกับลูกศิษย์
.. ..อย่างงี้ก็อยู่กันได้สบายๆเลย…
…ก่อนจะแยกย้ายกันไป ผู้บริหารฯ ก็ได้สั่งงานไว้กับป้าทอง
…ให้แกขึ้นไปดูแลทำความสะอาดห้องนอนและห้องโถ่งชั้นบน เพื่อผมและคุณโจ้ มาพัก
…ซึ่งผมและคุณโจ้จะมาเป็นหัวหน้า คอยสั่งงานอยู่ที่นี่ ป้าทองแกเป็นคนบ้านนอกซื่อๆ แกก็นั่งยองๆ ยกมือพนม รับฟังคำสั่งจากผู้บริหารฯโครงการ จะว่าไปทั้งป้าทองและลุงจุก สองคนผัวเมียนี้แกดูเป็นคนไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ดี คนอย่างนี้ก็เหมาะกับตำแหน่งภารโรงที่คอยดูแลคุ้มเเจ้าฯ
…ผมเองก็ทราบมาว่า ก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็มีฝรั่งมาขอเช่าคุ้มนี้ ทำเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน
…แต่ก็อยู่ได้ไม่ทันจะครบสัญญาเช่าก็ย้ายตูดเผ่นออกไป โดยมีข่าวลือพูดต่อๆกันมาว่า ฝรั่งมันโดนผีหลอก
…คุ้มเจ้าฯแห่งนี้ ได้ดำเนินการซ่อมแซ่มมาแล้วเป็นเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งปีแล้ว….
…ซึ่งอีกไม่นาน ก็จะแบ่งพื้นที่ ที่ได้ตกแต่งเรียบร้อยแล้วส่วนหนึ่ง ให้เป็นสำนักงานฯ แบ่งพนักงานจากที่เดิมมานั่งประจำการ
…แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทฯมาพักค้างที่นี่ จะมีแต่ก็เพียง ลุงจุกกะป้าทองเท่านั้น ที่นอนเฝ้าอยู่ที่ชั้นล่าง
…แต่การที่ผู้บริหารฯ ได้ให้ผมกับคุณโจ้ เข้ามาพัก ก็เพราะต้องการสยบข่าวลือที่ว่า ที่นี่เป็น…” คุ้มผีสิง “..!!..
…เพราะหากยังขืนลือกันอยู่อย่างนี้ไม่เลิกอีกต่อไป ธุรกิจการค้าที่จำเป็นต้องหาผู้ประกอบการร่วมในวันข้างหน้า จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนเมืองทางนี้เค้ายิ่งจะมีความเชื่อในเรื่องผีสาง ฝังรากกันมาอย่างยาวนาน จึงต้องใช้วิธีนี้ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า

…ในวันเดียวกันนั้นเอง หลังจากที่ผมเก็บข้าวของออกจากอาพาร์ทเม้นท์แล้ว ผมเดินทางกลับมายังคุ้มฯ
…มันก็เวลาใกล้จะค่ำแล้ว พอจอดรถเข้าที่ ก็ขนของขึ้นไปเพื่อจะเก็บไว้บนห้องชั้นบน…
…ผมก็ต้องเดินขึ้นบันไดที่อยู่ส่วนนอกด้านหน้าของตัวอาคาร บันไดก็สูงลิบ พื้นบันไดก็ไม่ได้กว้างมาก
…เวลาเดินก็ต้องใช้ความระมัดระวังนิดนึง พอผมไขแม่กุญแจเปิดประตูบานใหญ่ของชั้นบนก็ได้เปิดออก
…กลิ่นอับของบ้านไม้เก่าๆ มันก็พุ่งมาใส่จมูกของผมเข้าให้ในทันที นึกในใจ..แม่งไม่ได้เปิดใช้งานมากี่ปีแล้วว่ะเนี้ย…
…แต่พอเดินเข้าไปถึงส่วนที่เป็นห้องนอน…บรรยากาศมันก็แตกต่างกันไปมากเลยนะ มองรวมๆก็ดูจะดีกว่า
…เครื่องใช้ต่างๆมีไว้ให้ แบบอยู่ได้สบายๆ ทีวี ตู้เย็น โต๊ะทำงานครบ ไม่มีก็แต่เตียง มีแต่ฟูกและเครื่องนอนหมอนมุ้ง
…แต่ผมก็แปลกใจนะ เมื่อแรกเปิดประตูใหญ่เข้ามา มันอับเหมือนกับชั้นบนนี้ไม่เคยมีการเปิดประตูหน้าต่าง
…เพื่อให้ลมเข้าออก ระบายอากาศมาเป็นปีเป็นชาติ..แต่ทำไม ในห้องนอนกลับไม่มีกลิ่นอับ และก็ไม่มีฝุ่นมาก
…ผมหยิบหมอนหยิบผ้าห่มขึ้นมาดม เออ ก็พอรับได้นะ เหมือนเพิ่งเปลี่ยนเอาผ้าซักใหม่ๆมาให้เราใช้…

…คุณโจ้ โทรมาบอกกับผมว่า ขอไปทำธุระก่อน แล้วจะมานอนเป็นเพื่อนอาจารย์ แต่อาจจะดึกหน่อยนะ…
…ผมเองก็เกรงใจแก …เลยตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไรหรอกครับผมนอนคนเดียวได้ไม่ต้องห่วง…
…ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมก็รีบเดินออกไปหาอาหารมื้อเย็นทาน ด้วยความที่ไม่รู้เส้นทาง ก็เลยเดินสะเปะสะปะไป
…กว่าจะเจอร้านอาหารก็ล่อเอาซะเมื่อย…กว่าจะทานอาหารเสร็จ ฟ้าก็มืดพอดี ผมก็เดินกลับ พอมาถึงหน้าประตูคุ้ม…ผมก็ต้องหยุดยืนแล้วคิดในใจว่า…สมแล้ว สมกับคำที่เค้าร่ำลือกันว่า ที่นี่เป็นบ้านผีสิง…!!..

…บนพื้นที่หนึ่งไร่ …ที่มีคุ้มเจ้าฯเรือนไม้โบราณตั้งอยู่ เมื่อตอนกลางวันเราก็พอจะมองเห็นความงามของลวดลายไม้ฉลุและลีลาเส้นสายในงานสถาปัตฯอันงดงามและทรงเสน่ห์…แต่พอฟ้ามืดลง…ภาพที่เห็น มันกลายเป็นหนังคนละม้วนเลยครับ..
…เริ่มตั้งแต่ประตูที่กำแพงรั้วทางเข้า มองผ่านไปยังตัวเรือนไม้ ต้นพุทราอายุน่าจะเป็นร้อยปีขนาดยักษ์ยื่นกิ่งก้านเข้าปกคลุม ส่วนที่เป็นลานกว้างในเขตคุ้มฯแทบทั้งหมด ต้นกระท้อนที่ตั้งตระหง่านสูงลิ่ว ก็ดูคล้ายมียักษ์ยืนเฝ้าบ้านอยู่ตรงจุดที่ผมยืนอยู่ แม้นจะมีไฟแสงจันทร์ที่เป็นไฟทางส่องสว่างอยู่ แต่ตัวคุ้มที่ตั้งอยู่หลังกำแพงก็ถูกความมืดมิดเข้าปกคลุม
…จะมีแต่ก็เพียงแสงไฟดวงเล็กๆ ที่พอจะมองลอดแนวเสาตรงชั้นล่าง ที่ป้าทองกับลุงจุก แกนอนพักอยู่…
…ผมกำลังจะเดินขึ้นบันไดชั้นสอง มือนึงก็ล้วงกุญแจ เสียงดังกรุ้งกริ้งๆ..ทันใดนั้นป้าทองก็เรียกผม…” หัวหน้าคะ หัวหน้าคะ ”
…ป้าทองแกก็มาพร้อมกับไม้กวาด ไม้ถูพื้นกระป๋องกระแป๋ง พะรุงพะรังไปหมด…แกวิ่งตรงเข้ามาหาผม แล้วทรุดตัวลง นั่งยองๆ วางกระป๋องลง แล้วยกไม้กวาดไม้ถูพื้นขึ้นท่วมหัวยื่นส่งให้ผม…พร้อมกับบอกว่า..
…” หัวหน้าช่วยทำความสะอาดข้างบนเองนะคะ ป้าขอหล่ะ จะให้ป้าไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหน ป้าก็ไปให้ได้ แต่ขออย่าให้ป้าต้องขึ้นไปข้างบนเรือนเลยนะ หัวหน้า..”
…ป้าทองแกพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความหวาดกลัวมาอย่างชัดเจน…
…ฟังแกพูดก็น่าเห็นใจอยู่หรอกนะ แต่พูดตรงๆ แกมาผิดจังหวะ…ไอ้เราซิ ยิ่งจะหวาดๆอยู่ แกดันมาทำอย่างนี้มันยิ่งตอกย้ำให้เรากลัวผีหนักเข้าไปกว่าเดิม แล้วเราก็ดันไปบอกกับคุณโจ้เข้าไปแล้วด้วยว่า นอนคนเดียวได้ ผมก็เลยต้องตอบรับคำป้าทองไป…ไอ้เราเพิ่งจะมาถึง ก็ไม่รู้จะอย่างไง มาส่งไม้กวาดให้อย่างนี้ ก็ต้องว่ากันไป
…เราเป็นถึงหัวหน้า ถ้าจะมาแสดงอาการกลัวผีให้คนเห็น ภารกิจสยบข่าวลือ คงไม่สำเร็จแน่…
…ท่องไว้ให้ขึ้นใจ…ที่นี่ไม่มีผี ที่นี่ไม่มีผี ที่นี่ไม่มีผี ที่นี่ไม่มีผี ไม่มีผี ไ ม่ มี ผี ..ม้ า ย มี ผี ..ม้ า ย มี ผี …

…ผมก็เดินขึ้นห้องพักไปพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดสามชิ้น ที่ป้าทองแกให้มา…
…มันสยองอีตอนที่ผมต้องเอามือคลำหาสวิชท์ไฟอ่ะดิครับ ดีนะ ที่ก่อนจะออกไปผมได้สำรวจไว้ก่อน..
…ผมยังนึกในใจเลยนะ ถ้าตอนที่เอามือคลำหาสวิชท์เพื่อเปิดไฟ
…แล้วถ้ามันมีมืออีกมือมาช่วยหานี่ มีหวังผมต้องเผ่นกลับกรุงเทพฯแน่เลย…
…ผมก็วางอุปกรณ์ทำความสะอาดเอาไว้หน้าห้องแหละครับ แล้วก็เข้าไปนอน…ผมก็เปิดหน้าต่างออกไป ลมก็เย็นดีนะ จัดแจงอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก็เปิดทีวีดู จะว่าไปไอ้เรื่องผีเรื่องสางนี่ มันก็เป็นเรื่องจิตที่เราปรุงแต่งขึ้นมาเองนะ ถ้าไม่คิด ถ้าไม่กลัว มันก็ไม่มีไร คนเรามันก็กลัวความมืด กลัวความเงียบ กลัวมโนภาพที่ตัวเองวาดขึ้นมาเองกันทั้งนั้นแหละ

…ดูทีวีไปสักพัก พอละครจบ ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า..นอนได้แล้วล่ะเพราะพรุ่งนี้เช้า งานมันรออยู่เต็มมือ…
…มาต่างที่ต่างถิ่น ก่อนจะนอนก็ต้องสวดมนต์ไหว้พระ แต่ผมคิดว่า การเปิดไฟนอนในคืนแรกนี้ น่าจะดีกว่าปิดไฟอย่างแน่นอน พอล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย เพราะก่อนหน้านี้ก็เดินทางมาไกล แถมเมื่อคืนก็ยังนอนน้อยด้วย…
…พอกำลังจะเคลิ้มๆใกล้จะหลับ ผมก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียง คล้ายไม้กวาดที่วางไว้หน้าห้องล้ม การที่เรานอนบนฟูก ไม่ได้นอนบนเตียง หูมันก็จะแนบอยู่ใกล้พื้น มีเสียงอะไรดังนิดดังหน่อย เราก็จะได้ยิน…
…เมื่อตอนหัวค่ำ ผมคงวางไม้กวาตไม่ดีแน่ ไม้กวาดมันเลยล้ม ไม่น่ามีอะไร
…แต่ เสียงไม้กวาดที่ล้ม มันก็ทำให้ผมนอนหลับไม่สนิท..มันจะมาล้มอะไรตอนนี้ว่ะ
…สักพักนึง ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังถูพื้น แถมยังมีเสียงไม้ถูพื้นมากระแทกฝาพนังห้อง ดังตึ้กๆ !!..ตั้งหลายครั้ง..
…ผมต้องลุกขึ้นนั่ง…นึกในใจ…กูโดนเข้าแล้วใช่มั้ยเนี้ย…สักพัก ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน วนๆอยู่หน้าประตูห้องด้านนอก
…ถ้าใครเคยอยู่บ้านพื้นไม้กระดาน ก็คงจะนึกออกว่า ถ้ามีคนเดินบนพื้นไม้กระดาน..
…เราก็จะได้ยินเสียง แล้วก็จะรู้ว่าคนๆนั้นเดินไปในทิศทางไหน ยิ่งน้ำหนักตัวมาก เสียงไม้กระดานก็ยิ่งจะลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดๆ
…เสียงที่ผมได้ยินนั้นอยู่ในขณะนั้น มันเป็นเสียงของคนเดินลงส้นเท้า ดัง ตึ้ง ตึ้ง…
…แล้วเสียงที่เดินวนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง มันก็หยุดลง
…สักพัก ก็ได้ยินเสียงเหมือน ฝีเท้าของคนๆเดิม เดินห่างออกไปจากหน้าประตูห้องนอนของผม เดินไปยังอีกฟากหนึ่งของเรือน
…ในใจผมไม่คิดว่าจะเป็นคนไปได้หรอกนะครับ เพราะตอนที่ผมเดินขึ้นมา ผมล็อคประตูใหญ่ไว้ ไม่มีทางที่

พราหมณ์เมศ

ใครจะขึ้นมาได้……ผมจึงตัดสินใจ ลุกขึ้นไปเปิดทีวี อีกครั้ง ตัดสินใจว่า คืนนี้นอกจากจะเปิดไฟนอนแล้ว ยังต้องเปิดทีวีทิ้งไว้อีก…
…คืนนั้น ผมมีเสียงโทรทัศน์เป็นเพื่อน และก็ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมามองอะไรอีก จนกว่าจะเช้า…
…………………………………………………………………..
…เรื่อง ” ผีที่คุ้มเจ้าหลวงฯ “เพิ่งจะเริ่ม…ยังไม่ได้ปรากฎกายให้ใครเห็น..
…ยังไม่ทราบได้ว่า เหตุใดถึงยังไม่ไปผุดไปเกิด สักทีปัญหาจะถูกแก้ไขได้หรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป

link  ผีคุ้มเจ้าหลวง ตอนที่ 2
………………………………………………………………….

Leave a Reply

%d bloggers like this: